วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2555

เรื่องจิ้ง(จก)ผ่านคอม

เพื่ออรรถรสในการเล่าเรื่องและการอ่านสำหรับบทความนี้ จึงขอมีคำไม่สุภาพ หยาบคายบางชนิด....เด็กที่มีสมองต่ำกว่าที่จะแยกแยะได้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดีเป็นก็แนะนำว่าปิดคอมแล้วไปซื้อมอไซค์มาแข่งกับเพื่อนๆ น่ะ

สัตว์ที่เกลียดที่ขยะแขยงของผมคือจิ้งจก ตุ๊กแกก็เหมือนกัน(ขนาดแค่เขียนแล้วนึกภาพเม่งก็ขนลุกแล้ว) ตุ๊กแกที่ยังไม่กลัวเท่าจิ้งจกน่ะ แต่ทั้งสองอย่างนี่ก็สามารถทำให้ผมร้องไห้ได้ถ้ามีคนมาแกล้งแน่ๆ (เหมือนตอนโหน่ง ชะชะช่า โดนแกล้งในชิงร้อยชิงล้าน) เจอแมลงสาบนี่เฉยๆ มากน่ะเหยียบคาตีนก็ทำมาแล้ว ชิวมาก แต่เหมือนที่โบราณจะเคยบอกไว้ ยิ่งเกลียดอะไร เม่งก็ยิ่งเจอ

ทำไมถึงกลัวจิ้งจกทั้งๆ ที่เทียบสเกลกับตัวเองแล้วคนล่ะเรื่องเลย........ย้อนกลับไปตอนเด็กๆ นู่นสมัยที่อยู่บ้านญาติที่ต่างจังหวัด ซึ่งในแต่วันก็จะตลอนไปเรื่อย เล่นจนกว่าพระอาทิตย์จะตกดินนั้นแหละ จำได้แม่นว่าวันนั้นเป็นช่วงเย็นๆ หลังจากวิ่งเล่นมาทั้งวัน ด้วยความที่หิวน้ำมาก แล้วก็รีบเดินไปหลังบ้านไปโต๊ะกินข้าวก็ไปหยิบขวดน้ำ (อธิบายก่อนว่าขวดน้ำต่างจังหวัดตอนนั้นจะเป็นกระบอกทรงกลม เวลาเปิดฝาจะต้องหมุน) ด้วยที่เม่งหิวน้ำมาก โหยสุดสุดก็หยิบขวดน้ำจากกองขวดน้ำเยอะๆ ที่บ้านกรองเอาไว้เตรียมใส่ตู้เย็น มาเปิดฝาแล้วยกดื่มเลย อึกใหญ่ๆ ให้เม่งชื่นใจกันไปเลย...............แต่แทนที่จะได้ชื่นใจเสือกเป็นทุกข์ใจทันทีเพราะเมื่อตอนยกดื่มกินซัดโฮกเข้าไป แต่พอลืมตาขึ้น ไอ้เหี้ยยยยยย จิ้งจกเม่งเกราะที่ฝาขวดที่เรากำลังกินอยู่ (ซึ่งตอนที่เห็นมันยังอยู่ที่ขวด) ตาเราเห็นเลยน่ะว่าตามันก็มองเราอยู่ ตอนนั้นช่วงเวลาที่เห็นมันทั้งๆ ที่มันไม่กี่วินาทีหรอก แต่รู้สึกเม่งยาวนานมากๆๆๆๆๆ เหมือนเวลาเม่งแทบจะหยุดนิ่งเลย ชั่วแวบเดียวหลังจากสติมาปุปไอ้เหี้ยนั่น(ต้องเรียกไอ้จิ้งจก) เม่งก็หนี....หนีไปไหนไปยังไง เม่งก็หนีวิ่งไต่มาที่ปากขวดซึ่งปากกูเนี่ยยังคาขวดอยู่เลย !!!!!!!! วิ่งมาไต่ริมฝีปากขึ้นจมูกขึ้นหน้าผาก ตอนนั้นผมเม่งร้องตุ๊ดแตกมากอ่ะเขวี้ยงขวดน้ำปัดผมปัดตัวกลัวมันจะไต่ลงไปข้างหลังเข้าเสื้อมากๆ จนตอนนั้นจำได้เลยว่าแทบจะไม่ได้กินน้ำข้างนอกอีกเลย กินในตู้เย็นและรินแก้วตลอด

นับตั้งแต่นั้นมาก็เป็นเด็กมีปัญหากับจิ้งจกมาโดยตลอด ใครมาแกล้งนี่กูด่าเสียหมด เวลาผ่านไปเร็วเหมือนจิ้งจกมาร้องทัก...โตขึ้นเป็นหนุ่มหัวนมแตกพานประมาณมอหนึ่งหรือมอสองนี่แหละ เห็นจะได้ ซึ่งเวลานั้นหน้าที่ก่อนจะไปเล่นหรือไปจีบหญิงที่ไหนก็แล้วแต่เมื่อกลับบ้านแล้วก่อนออกจะต้อง “หุงข้าวให้เรียบร้อย” หน้าที่ประจำหลักๆ คือหุงข้าว แล้วเย็นวันนั้นด้วยความกระหายอยากไปเล่นเกมมากๆ จึงพอมาถึงบ้านเอากระเป๋าวางเปลี่ยนเสื้อวิ่งไปเอาหม้อข้าวตักข้าวซาวข้าวแล้วเปิดหม้อข้าวใส่หม้อข้าวเสียบปลั๊กแล้วกดหุง.......”แป๊ะ” เสียงหม้อข้าวดีด “อ้าวทำไมเม่งดีดว่ะ เหี้ยหม้อเป็นไรเนี่ยกูรีบน่ะมึง” ก็เลยเปิดหม้อข้าวมาดู..ก็ไม่มีไรนี่หว่าปิดหม้อข้าว กดอีกที “แป๊ะ” เสียงดีดดังขึ้นอีก เหี้ยไรว่ะเนี่ยยยยยยยยยย ก็เปิดหม้อข้าวแล้วปิดใหม่แล้วกดอีกที โอเคครั้งที่สามได้ปกติไม่มีอะไร ก็ไปนั่งเล่นเกม เวลาผ่านไปประมาณสักพักก็มีเสียง “โป๊ะ”มาทีนึงแล้วก็ได้กลิ่นไรไหม้ๆ ว่ะ ก็เดินไปที่หม้อข้าวไม่มีไรเกิดขึ้น แล้วข้าวก็ดีดข้าวสุกพอดีเลยเปิดหม้อข้าวเผื่อเอาทัพพีมาคลุกให้ข้าวมันระอุไม่แฉะ พอยกหม้อหุงข้าวมาเท่านั้นแหละ เหยดเข้!!!!!!!! จิ้งจกเม่งอยู่ในหม้อหุงข้าวแล้วหม้อที่ใส่ข้าวไปทับมันติดกับที่ให้ความร้อนกลายเป็นเผาเม่งทั้งเป็น......สรุปวันนั้นรอแม่เพื่อให้แม่เอาจิ้งจกออกแล้วก็โดนด่าในที่สุด ซึ่งตอนแกะจิ้งจกออกเม่งเป็นรอยไหม้รูปมันเหมือนเวลาเกิดอุบัติเหตุแล้วตำรวจเอาชอร์กมาเขียนอย่างนั้นแหละ

เรื่องหม้อข้าวนั้นประมาณมอต้น แต่เรื่องนี้เกิดตอนมอปลาย(ยังมีอีกๆ อย่าเพิ่งทำหน้ายี้) ตอนนั้นกำลังจะอาบน้ำซึ่งก็เดินไปห้องน้ำแล้วก็ปิดประตู...อ้าวทำไมปิดประตูไม่ได้ว่ะ เป็นเหี้ยไรอีกเนี่ย ก็เลยพยายามกะรแทกปิดเพื่อล๊อคกลอน ครั้งที่สองกระแทกอีกอ้าวไอ้ห่าไม่ได้ เหลืออดก็เลยดึงประตูแรงๆ จนล๊อคได้สำเร็จ ก็อาบน้ำอาบท่าสบายตัว...แต่เสือกไม่สบายใจตรงที่ว่าพอเปิดประตูจังหวะแหงนไปเห็นพานพับของประตูห้องน้ำเสือกมีจิ้งจกตายอยู่ตัวแบนๆ ที่มันตายเพราะโดนทับนี่แหละ เพราะปิดประตูไงแล้วจังหวะเม่งอยู่ระหวังประตูกับขอบบานพับพอดี เหยดดดดดดดดดดด ทำซะขนลุกแบบสุดสุด สุดท้ายก็หนีไม่พ้นแม่ที่มาหยิบจิ้งจกออกจากประตูไปทิ้งในขยะ โอ้วแม่กูแกร่งมากๆ ......เรื่องก็ดูเหมือนจะจบแค่นี้ แต่เมื่อเร็วๆ นี้ตอนอยู่ออฟฟิค หลังฝนตกก็เดินทางที่ระเบียงริมทางเดินได้เปิดกระจกเลื่อนออกให้ลมเข้ามา สังเกตว่าตรงรางเลื่อนมันมีอะไรกระดิกๆ ทีแรกคิดว่าหนอนแล้วดันไปเลื่อนกระจกจนหนอนขาดสองท่อน.....ไม่ต้องทายหรอกฮะ เม่งเป็นหางจิ้งจกนี่แหละ ดิ้นพล่านเลย ยังไม่ทันที่กูจะร้องแหกปากตาก็ไปเห็นลำตัวที่มันกำลังกระเสือกกระสนอยู่ครึ่งตัว แม่..จ้าวววววว นี่เพราะกูใช่ไหมเนี่ยกูเลื่อนกระจกจนทำให้ตัวเม่งขาดเนี่ย ทำไรไม่ถูกจริงๆ ตอนนั้นได้แต่ร้องเรียกให้คนมาดูแล้วก็กลับไปนั่งกำลังงานแบบดีไซน์ไปบ่นไปจริงๆ

บทความอันนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าวันนั้นกูไม่ไปเลื่อนกระจกเนี่ย แต่พอเจอแบบนี้เลยขอบ่นหน่อยเหอะ สัตว์อะไรยิ่งเกลียดเม่งยิ่งเจอ เจอแบบนี้เจองู เจอเสือให้มันฉกกัด หรือขย้ำตายไปเลยดีกว่า ขอจบแบบห้วนๆ แบบนี้แหละน่ะ พิมพ์ไปคิดไปเม่งขนลุกว่ะ

ไม่มีความคิดเห็น: