วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ทดไว้ในบล็อก (8)

- ใกล้ปีใหม่แล้ว เวลาผ่านไปเร็วมาก
- "สวัสดีปีใหม่" ก่อนล่ะกันฮะ
- คงได้เมล์ที่เป็นการ์ดไปแล้วน่ะ :D
- ที่ออฟฟิคมีงานเลี้ยงปีใหม่ จัดธีมงานแต่งตัวด้วย
- ธีมที่ว่า "เด็กแว่น"
- แว่นครับ ไม่ใช่แว๊น 55+
- วันเสาร์ ที่ผ่านมา รถติดเป็นประวัติการ(ของผมเอง)
- อยู่บนรถเมล์ 30 นาที เขยิบที ทีละนิด เลยขอลงเดิน
- เดินจากสะพานปกเกล้า....ถึงสามย่าน
- ลัดเลาะไปเรื่อยผ่านสะพานเหล็ก เยาวราช เหมือนจะชิว
- กลับบ้านตีนพอง
- ตั้งแต่ไม่ได้ขี่มอ'ไซค์ อ่านหนังสือในรถไฟฟ้า ถือเป็นไฮไลท์ในการเดินทางของแต่ล่ะวันเลย
- ความสุขเล็กๆ ในแต่ล่ะวัน
- เดินยูเนี่ยน มอล์ล เจอเพื่อนพี่รัด "พี่ต้น"
- เปิดร้านขายหนังอยู่ชั้น 3 ข้างธนาคารธนชาติ(โปรโมตให้ๆ )
- หนังอินดี้ แนวๆ เยอะ
- สอยมา 2 เรื่อง "Control" กับ "CoCo avant Chanel"
- นิ้วหายแล้ว จากที่คัตเตอร์เฉือนไป
- อ่านเจอคำเด็ดๆ ในเวบ ที่พี่รัดส่งมาให้
- "good design can be panned but great design Just Happens"
- "designer are meant to be Loved not to be understood"
- เจ๋งว่ะ
- เทศกาลลานเบียร์เพิ่มขึ้นแหละ
- แต่ก็ไม่ได้ไป
- เป้าหมาย หลังจากนิ้วหายเจ็บ.....คือการเล่นกีต้าร์
- เพราะจะหัดเล่นเบสให้ได้
- เพื่อโค่นล้น 5555+
- วันก่อนก็ไปนอนบ้านที่บ้านนนท์ อากาศดีโคตร..หยั้งกะ ปาย
- ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่อุดหนุนเสื้อน่ะครับ ^^
- Have a nice year

วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552

็Happy New Year 2010


สวัสดีปีเสือฮะ

วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552

กัน

ไม่มีอะไร เอามาลงเพราะไม่อัพบล็อคนาน
ทำมากันไม่ให้บทความดูเก่าไป :D

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

My Idol (Part 1 : Celebrity)

วันนี้เอารูปของคนที่ผมชอบ...ทั้งความคิดและการใช้ชีวิต ให้ดู จริงๆ ก็ไม่เชิงฮีโร่หรอกฮะ แต่เป็นแรงขับเคลื่อนในชีวิตเราได้เป็นอย่างดี
......เอาคนที่มีชื่อเสียง ในวงกว้างก่อนน่ะครับ มีโอกาสจะเอาคนในมาให้ดูมามีใครบ้าง :D

รู้จักกันบ้างไหมเนี่ย








วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ทดไว้ในบล็อก (7)

- ไม่ได้ทดบล็อกซะนาน

- ได้แต่อัพบล็อกไรไปเรื่อย ขี้เกียจพิมพ์

- หลังจากที่กุญแจรถโดนเอาไปซ่อน

- เหตุเกิดตอนเช้า ทำ MokUp งาน โดนคัตเตอร์เฉือน

- เนื้อหายไปเลย

- เคยเห็นโลโก้แมคแอปเปิ้ลไหม นั่นแหละแหว่งๆ

- เหตุเกิดตอนเย็น ขี่ฟีโน่อยู่ดีๆ รถเก๋งพุ่งมาชนจากข้างหลัง

- รถเยิน

- เกินพอ

- ไม่ขี่มอ'ไซค์ไปซะพักใหญ่ๆ

- เหมือนเหมยลี่เลย "รถมอไซค์ไปไหนแล้วเธอ" (เครดิตคุณตุ้ย)

- ปีใหม่มีที่ไปแล้ว

- เวียงจันทร์กันอีกที

- นั่งรถเมล์ต่อรถไฟใต้ดินตบตูดด้วยรถมอไซค์รับจ้าง

- เพลินไปอีกแบบ

- รถไฟใต้ดิน ไม่เจ๋งเท่ารถไฟฟ้า

- สาวไม่ค่อยแหล่ม มีแต่คนทำงาน(วัยรุ่นมากมึง)

- ได้ร้านบุฟเฟ่สญี่ปุ่นประจำแล้ว แถวข้าวสาร

- ดีใจในที่สุดเสื้อก็ผลิตออกมาแล้ว

- พี่โอปอล์รู้ไว้เลยน่ะ ดีใจมากที่พี่สนใจและซื้อเสื้อไป 2 ตัว

- พี่เป็น 1 ในไอดอลของเบิ๊ดเลยน่ะ ^_____^

- อยากเขียนได้สนุกขบขันเหมือนพี่จัง เผื่อสาวๆ จะสนใจ

- แล้วทำไมพี่โสดว่ะ 555+

- แน่นอน Rutty ประเดิม ตัวแรก

- Rutty ชวนเลี้ยงบีเกิ้ล.......น่าสน

- เดือนนี้อ่านหนังสือไป 2 เล่ม เล่ม 3 กำลังจะจบ

- บรรยากาศการทำงานกำลังสุดยอด ดีเลยทีเดียว

- นั่งรถเมล์บ่อยๆ ได้นึกได้คิดอะไรเพลินๆ ได้เยอะ

- ทำไมตัวเราไม่ทะเยอทะยานเลย

- ทำเอเยนซี่แต่ทำไมไม่ได้รู้สึกอยากเก่ง(ไม่ใช่ไม่อยากพัฒนาน่ะ)

- อยากทำงานโดยทีี่งานไม่ใช่ทุกสิ่งอย่างของชีวิต

- อยากเดินทาง

- หลังปีใหม่ จะออกเดินทาง(อีกสักครั้ง)แมนๆ

- งานแต่งพี่เอพี่แนน ขอโทษน่ะพี่ที่ไปไม่ได้

- งานนี้เบิ๊ดรอมาเป็นปีเลยน่ะ ตั้งแต่ที่พี่เกริ่นมา

- ดูรูปที่พี่รัดส่งมาให้ น้ำตามันไหลว่ะพี่

- ดีใจด้วยน่ะ พี่ชาย-พี่สาว สุดรัก

- ทั้งดีใจทั้งเศร้าที่ไม่ได้ไป

- ตัดแว่นมาแล้ววว เท่มาก

- แว่นใสปกติแต่ที่ไม่ให้ปกติไปตรงที่มีคลิบแว่นกันแว่นได้ด้วย

- แนว

- คนตัดแว่นบอก สายตาเอ็งสั้นมาก อยู่มาได้ไงว่ะ

- เขียนมากชักเยอะไปแหละ พอแหละ

- ขอจบด้วยประโยคนี้น่ะ มันจริงที่สุดแหละ

- "ความง่วงเป็นจริงยิ่งกว่าความรัก"

วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Piano stairs



ไม่รู้ว่าทำไปเผื่ออะไรแปลไม่ออก (ใครรู้บอกทีน่ะ) แต่ว่ามันช่วยให้คนออกกำลังกาย แต่ไม่เปลืองการใช้ไฟฟ้าของบันไดเลื่อนดีน่ะ หรือจะเป็นโฆษณาของร้านขายเปียโนหว่า

ภูเรา

วันนี้ขอเล่าแบบมีจินตนาการ เคยอ่านหนังสือแล้วได้อ่านประโยคที่ว่า "เด็กเห็นภูเขาเป็นภูเขา หนุ่มสาวเห็นภูเขาเป็นอย่างอื่น คนชราเห็นภูเขาเป็นภูขา"


วัยหนุ่มสาวมีพลังเหลือล้นจินตนาการภูเขาเป็นได้ต่างๆ นาๆ จากภู"เขา"ก็เป็นภู"เรา" ปั้นแต่งตามความคิดตามพลังกายได้อย่างดั่งฝัน แต่ถ้าบางครั้งไม่เป็นดังที่คิดมันก็ทำให้เรากังวลคิดมากและเป็นทุกข์ได้เหมือนกัน กว่าจะเห็นภูเขาเป็นภูเขา ตอนนั้นเราก็แก่ซะแล้ว....คล้ายๆ กับคำที่เคยเขียนไปในบล็อคบทเก่าๆ ที่ว่า "คนหนุ่มถ้ามีปีกแล้วไม่บิน ปีกก็คือส่วนเกินของชีวิต" การที่จะทำโลกแห่งความฝันให้มาอยู่โลกแห่งความจริงมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย บ่อยไป ที่โลกแห่งความจริงรุกลามไปจนถึงโลกแห่งความฝันด้วยซ้ำไป


แต่ก็เหอะ เพราะความเป็นหนุ่มสาวนี่แหละ(ไม่อยากใช้คำว่าวัยรุ่นเท่าไร เกินมาหน่อยแหละ 55+)ทำให้แรงกายและแรงใจมีมากที่สุดในช่วงชีวิตแหละ เราจะออกไปวิ่งตอนแก่ก็คงไม่ได้ หรือจะข้ามถนนตอนเด็กก็คงจะอันตรายเกินไป ช่วงนี้แหละ ที่เราจะปั้นแต่ง "อะไร" เพื่อตัวเอง เหมือนที่พี่หมีแบร์วิช(หนังสือ Bear wish project)บอกกับเราไว้ว่า "ชีวิตมีไว้ใช้ ไม่ใช่ให้มันมาใช้เรา"

วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แอดแบบแบดแบด

ได้เมล์จากจาก B.A.D เป็นโฆษณา 3 ตัว
เนื้อหาเกี่ยวกับอะไรก็ลองดูล่ะกัน ส่วนตัวชอบเรื่อง Ghost

"Ghost"




"Candle"




"Bar"

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Calendar และ นิ้วชี้

งานปฎิทิน ประจำปี 2552/2010 ของ "Cotto" มีทั้งแบบแขวน และตั้งโต๊ะ งานนี้ได้เกิดเรื่องอะไรๆ เยอะแยะ โดยที่สำคัญ ตอนทำ Mok-Up ให้คุณลูกค้า ได้สละเนื้อนิ้วชี้ไปหน่อย (จริงๆ ก็ไม่หน่อย) คัตเตอร์บาด โอ้ว เข็ดการตัดกระดาษไปพักใหญ่ๆ




แถมด้วย Planner เล่มเล็กและเล่มใหญ่ จะได้ครบชุด

วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

OnePiese "iPod-styled Tribute"


เจ๋งดี...สำหรับคนที่อ่านการ์ตูนเรื่อง "OnePiece" น่ะ เท่ได้อีก

กูเกิ้ล 15 ค่ำเดือน 12


วันนี้ 02/11/09 15 ค่ำเดือน 12 วันลอยกระทง สวยงามมากครับ หน้าเว็บของกูเกิ้ล เลยเอามาฝากกัน
แค่ในไทยน่ะ กูเกิ้ลเมืองนอกเป็นแบบธรรมดาครับ

ลองเอาเม้าส์ไปจ่อที่รูปซิ จะมีขึ้นข้อความว่า "รำวงวันลอยกระทง บุญจะส่งให้เราสุขใจ"

วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552

จัดจ้านชะมด

เอา MV เพลงไทย ที่ไม่ค่อยได้มีแนวนี้มาให้ดูกัน "จัดจ้าน" ดี

เพลง YoYo Effect ศิลปิน The Diet Pills



100

100

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2552

New age !!!!


หลังจากฮือฮาไปกับงาน "ไอแอมไทกราฟฟิค" กับการคิดตัวอักษรขึ้นมาใหม่ โดยที่เริ่มอยากให้รู้สึก โล่งๆ เบาๆ แอบเข้ม มาสักระยะหนึ่ง ก็ได้เวลาทำตัวอักษรตัวอื่นๆ ให้ครบ ทั้งตัวพิมพ์เล็ก พิมพ์ใหญ่ และแถมตัวเลข โดยที่ไม่ได้ความรู้ความถูกต้องในการผลิตตัวอักษรเลย แม้แต่น้อย (เพราะในหัวก็ไม่มี) .....Fonts - Plod prong ชื่อฟอน์ต "ปรอดโปร่ง" คือชื่อของมัน

อ่านในหนังสือ คนทำฟอน์ตเคยบอกว่า การทำฟอน์ต บางครั้ง เราแค่เริ่มออกแบบตัวอักษรที่เราชอบมาก่อน แล้วหลังจากนั้นตัวอื่นๆ มันจะตามมาเอง ไม่ต้องเริ่มจาก กอไก่ หรือ A ก่อนก็ได้....อืม

อ๋อ ถ้าอยากเห็นชัด ก็คลิกไปที่รูปน่ะ มันจะขยายให้ดูได้ พอเดาได้ไหมว่าตัวไหนเป็นตัวไหน :D

วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ว่าง

The secret of Mona Lisa



.
.
.
.
no comment

วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2552

นิดๆ หน่อยๆ กับตลาดลาดชะโด

วันอาทิตย์ที่ผ่านมานู่นนนนนนนนน....ได้ไปเที่ยวกับพี่ชายแล้วก็ Dad & Mom ครบครัวทั้งครอบครัว จุดมุ่งหมายของเราก็คือ ตลาดลาดชะโด จังหวัดอยุธยา ก่อนที่จะไปขอบอกเลยว่าตัวเองไม่รู้จริงๆ ว่าคือตลาดแบบไหน แนวไหน รู้แต่มาเป็นตลาดเก่า....ไปแบบไม่หวังอ่ะดีไม่ต้องคิดมาก
.
.
.
หลังจากที่เดินๆ ดู เรื่อยๆ คนน้อยอยู่ ยังไม่เยอะเท่าไร ผมว่าใครที่ไม่ชอบความวุ่นวายแนะนำให้มาเดินดูน่ะครับ สบายดี เพราะตลาดนี้ยังไม่"ดัง"เท่าไรมั่ง เลยยังไม่ค่อย"ป๊อป" :D
ของกินอาจจะน้อยไปหน่อย แต่บรรยากาศสุดยอดครับ
สิ่งที่คุณจะได้เห็นอาทิเช่น
พิพิธภัณฑ์ของตลาดชะโด รวบรวมเครื่องใช้ชีวิตประจำวันของชาวบ้าน
ที่ชื่อราดชะโด เพราะ แถบนั้นปลาชะโดอาศัยอยู่เยอะ...มั่งฮะ
ร้านตัดผมแบบสมัยก่อนโดยที่ใช้เครื่องมือในอดีตเลย
ห้องฉายภาพยนต์
ร้านขายเล่นเก่าๆ โปสเตอร์เก่าๆ เด็ดมากกกกก
แนะนำขนมเบื้อง อร่อยมากมาย หอมหวานไม่มีครีมขาวๆ ที่เห็นตามร้านทั่วไปชิ้นล่ะบาท..โอ้วว
สุดท้ายกับของฝาก...แก้วน้ำไม้ไผ่ ตอนนี้เป็นที่ใส่ปากกาบนโต๊ะ ที่ออฟฟิคไปแล้ว ปืนที่มีกระสุนเป็นยางหนังกะติ๊ก หมวกยีนส์ที่คล้ายๆ พวกคนงานเหมืองใส่กัน...มีแต่เด็ดๆ ลองไปกันดูเน้อ



วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2552

HBD GoiKung


เพิ่งเอามาลง

อยากได้แนว london street....อัดใส่กรอบลอยเก๋ๆ เคลือบด้าน...อ่ะแหล่ม

วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ทดไว้ในบล็อก (6)

- หลังจากทำโปสเตอร์ให้อัน
- นั่งดูอันเก็บกระเป๋า
- กลับมาบ้านเก็บตังค์ (เด๋วกูตามไปล่ะกันอัน)
- อยากกินข้าวต้ม (อันนี้แวบมาให้สมองเอง)
- วันเสาร์ ตะเวณหาร้านทำเสื้อยึดขายกัน
- ขี่มอ' ไซค์ทั้งวัน
- วันอาทิตย์ไปตลาดราดชะโด ที่อยุธยามา
- เด๋วจะมาอัพบล็อกอีกที รอรูปก่อน
- ช่วงนี้ฝนตก ตอนเย็นบ่อยเหลือเกิน
- ช่วงก่อนสิ้นเดือน คุณตุ้ยเพื่อนร่วมงานเลี้ยงฟูจิ ตอนกลางวัน
- เพิ่งรู้ว่ามีแถมด้วย ชา กับผลไม้ด้วย
- หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้น
- เจ้านาย พาไปเลี้ยงชาบูชิ (อิ่ม)
- กินกันทั้งออฟฟิค จ่ายไป 13 แต่ออกมานับกันได้ 14 คนว่ะ
- 555+
- ก่อนหน้านั้นก็พาไปดูหนังกันอีก
- โอ้ว บริษัทนี้ดีจริงๆ 555
- แต่สิ้นเดือนนี้มีคนออกไปแล้ว 1 คน ไม่พ้นโปร
- เย้ย
- เมื่อวานเซ็งมาก ก่อนกลับบ้านหากุญแจรถไม่เจอ
- หาทั่วออฟฟิค
- น้ำตาจะไหลให้ได้(ฮา)
- สุดท้ายต้องนั่ง Taxi กลับบ้านเผื่อไปเอากุญแจสำรอง
- เสียค่าหน่วยกิต วิชา "หลงลืม" ไป 200 บาทถ้วน
- กลับมายังออฟฟิคตอนเช้า เจอกุญแจ
- รุ่นพี่นึกว่ากุญแจของอีกคนเลยแกล้งซะ.....ซะงั้นเลย 55+
- ผนึกเงินกับพี่รัด ซื้อการ์ตูนวันพีชมาอ่าน ตั้งแต่ 1-49
- ไม่บอกราคาอ่ะ เด๋วจะแอบด่าคนเขียน
- ในที่สุดเสื้อก็ออกมาแล้วน่ะ
- S M L 3 ไซส์ให้เลือกใส่ สีขาว
- มี 50 ตัวตัวล่ะ 200 บาทถ้วน
- ลายสวยมากครับ รับรองได้
- เร็วๆ นี้ทุกคนจะได้เมล์โปสเตอร์ขายเสื้อนี้กันน่ะครับ
- รีบๆ ซื้อล่ะ แค่ 50 ตัวเท่านั้น (ยำ้)
- ซื้อเหอะ (ย้ำ) 55+
- อ๋อออ เสาร์ไปดู moderndog แหละ
- เป็นยังไงจะกลับมาเล่าให้ฟัง
- :D

วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552

50 "Limited Edition"


เตรียมตัว!!!! ควักเงินออกจากกระเป๋ากางเกงได้แล้วสำหรับเสื้อยึด 50 "Limited Edition" ภายในสัปดาห์นี้ แน่นอน

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2552

TokyoBangkok


วันนี้ครึ้มอกครึ้มใจ..ว่างๆ อยู่เลยนั่งทำการ์ดให้อัน เนื่องจากอันกำลังไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น และเพื่อผลประโยชน์ล้วนๆ กับที่พัก ที่คิดไว้ว่าเก็บเงินเมื่อไหร่จะไปขออาศัยกับอ้นด้วย เลยต้องมีอะไรเป็นของล่อไว้ก่อน (ฮา)

งานนี้เลยอยากทำให้เป็นแนวโปสเตอร์หนัง เลยนึกถึงพวก บางกอกแดนเจอรัส กับพวกโอเชี่ยน ดูเป็นพวก เรียบๆ นิ่งๆ ดี เลยใช้ รูปตึกกับเงาเครื่องบินเป็นสื่อ (ทำไปคิดว่าเป็นหนังเกี่ยวกับ เครื่องบินชนตึกเวิลเทด 555+) สีก็นี่เลย สีแดงของธงญี่ปุ่น สีน้ำเงินก็ธงจากไทยนี่แหละ ตามด้วยชื่อญี่ปุ่นของคุณอัน..แค่นี้ก็เรียบร้อย สำหรับใบเบิกทางการขอที่พัก ในกรุงโตเกียว 5555+
สุดท้ายมาคิดๆ ดู แค่โปสการ์ดกับที่พัก 5-7 วัน มันดูยังไงๆ อยู่ เลยปรับไซส์หน่อยเป็น 20 x 30 นิ้ว เต็มที่ไปเลย(หมายถึงอาศับอันน่ะ) 555+

วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2552

ชินจังจอมแก่น


การ์ตูนเรื่องชินจังจอมแก่น..เป็นอีกเรื่องที่ตามอ่านมาตั้งแต่ประถมจนถึงตอนนี้จะแต่งเมียอยู่แล้ว (ฮา)

เป็นการ์ตูนไม่กี่เรื่องที่จำตัวละครได้หมด
เป็นการ์ตูนไม่กี่เรื่องที่แทบจะจำมุกของแต่ละบทถ้ามีคนเกริ่นนำให้
เป็นการ์ตูนไม่กี่เรื่องที่ทำให้น้ำตาไหล.....จากการขำ
เป็นการ์ตูนไม่กี่เรื่องที่ตามซื้ออ่านตลอด
.
.
.
และเป็นการ์ตูนไม่กี่เรื่องที่รู้สึกผูกพันจริงๆ แต่ชินจังมันไม่โตสักทีว่ะ(ฮา)

เช้านี้ได้เข้าไปเวบพันทิบได้ไปอ่านกระทู้เกี่ยวกับคนเขียนหายตัวไป และได้เจอ "ศพ" คนเขียนชินจัง ซึ่งตายที่ป่าหลังจากที่เขาหายไป.....

แอบตกใจ แอบอุทานเฮ้ยดังๆ ในใจ เพราะไม่คิดว่าจะไม่ได้อ่านชินจังอีก ชินจังเลยกลายเป็นการ์ตูนที่ไม่มีตอนจบเหมือนโดราเอมอนเลย (แต่ยังไงก็ไม่อยากให้จบอยู่ดี)
ถึงจะไม่ได้รู้จักมีกจี่กะอีตาคนเขียน แต่ก็ถือว่าสนิทกับชินจังเลยทีเดียว ทำให้รู้สึกเศร้า เสียใจ

ตัวละครที่ชอบมากที่สุดคือ
ฮิโรชิ - มนุษย์เงินเดือนที่น่าสงสารที่สุด.....ฮามาก


รูปนี้ได้มาจากเวบพันทิบเป็นลายหน้าชินขัง แต่ผมกับชุดเป็นของโกคูจากเรื่องดราก้อนบอล(การ์ตูนตำนานอีกเรื่องในใจ)..เลยเอามาดราฟให้เป็นไฟส์ .ai แล้วจะเอาไปทำสกีนเสื้อเอาไว้ใส่ สนใจคุยกันได้น่ะครับ ยังไม่รู้ว่าจะสกีนขาวดำหรือสีดี


วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2552

ทดไว้ในบล็อก (5)

- หายไปนาน
- ได้บัตร moderndog มาแหละ
- แบบแพงสุด 600 บาท(ฮา)
- เมื่อวันเสาร์ได้ดูบอลพรีเมียร์ หลังจากไม่ได้ดูนานมา
- ได้ดูเพราะมาทำงาน
- จะดีใจดีไหมเนี่ย
- วันจันทร์ทำงาน
- ต่อเนื่องไปเช้า(เกือบสาย)อังคาร
- นั่งฟัง fat radio 24 ชม.
- ครบทุกช่วง ดีเจ 555+
- กลับบ้านไปส่งพี่ไปทำงาน
- อังคารเลยหยุด นอนพักผ่อน
- ไม่เข้าใจ พอกลับมาทำงาน ก็มีโทรศัพท์จากที่อื่นชวนไปทำงาน
- ทีว่างไม่ยักมี
- AE ที่ออฟฟิค บอก ที่นี่ผ่านโปรยากน่ะน้อง
- อ่ะน่ะ
- วันอังคารเลยหยุด
- นอนยาวๆ 11 โมง ตื่นมา 5 โมงกว่าๆ
- ออกไปเตะบอล กับเสียงฮือฮา
- ไม่ได้อะไร แค่หายไปนาน
- แถมยิงได้ 1 ลูก (แบบเทพมาก)
- ดูเท่เลย
- เล่นได้ชั่วโมงกว่าๆ ไม่ไหว
- กลางคืนออกไปงานอาจาร์ยศิลป์
- คนเยอะมากกกกกกก
- พี่รัดขายเสื้อด้วย
- ได้มาตัว แต่เล็กไปหน่อย
- ลายโอเคเลย
- เด็กแนวให้เพียบ
- กินเบียร์ไป 2 กระป๋อง แอบมึน+ง่วง
- ช่วงนี้เวลาที่ผ่อนคลายที่สุด คือการเช่าการ์ตูนมาอ่าน
- ดูข่าวบอลไทยกับโค้ชที่ออกไป
- เกลียดสมาคมฟุตบอลว่ะ
- วอล์เลย์บอลไทยรอบชิงของเอเชีย ไม่มีถ่ายให้ดู
- มีบอลพรีเมียร์ (คู่ธรรมดาอีกต่างหาก) ถ่ายทอดสด
- ฮ่วย!!!!!
- ฟรีทีวีเม่ง..
- ตอนนี้เริ่มกลับมาเรื่อยๆ แหละ (งานน่ะ)
- งานอาจาร์ยศิลป์ได้โปสการ์ด มา 3 ใบ กับดินสอ
- เตรียมของขวัญให้ไอ้อุ้ยด้วย
- อุ้ยกูว่าค่าส่งของไปให้มึงแพงกว่าของขวัญกูอีกแน่ๆ 5555+
- ภูฐานไกลไปป่ะ
- ข้าวเที่ยงวันนี้ กินแบบไฮโซ....
- ไม่รู้กินไร กินส้มตำ+ไก่ย่าง+ข้าวเหนียว
- เซ็งตรงที่น้ำจิ้มผสมแมงดาด้วย
- คายแถบไม่ทัน 555+
- ทำงานที่นี่ได้ 2 เดือน เพิ่งจะได้จบ A/W ชิ้นเดียวเอง
- ได้เจอคนที่เห็นแก่ที่สุด 1 คน
- เป็นคนที่ทำอะไรแต่ล่ะอย่าง เราเกลียดทั้งนั้น
- แล้วเรื่องของเรื่องคือมาวุ่นวายกับเราด้วย
- แล้วอีกคนเป็นคนที่กลับกลอก....พอเหอะ
- ได้เมล์จากบล็อกของ design ไป บ่นไป มาขอบคุณที่เอาเวบไปแปะในบล็อกตัวเอง
- 5555 รุ่นใหญ่จริงๆ


วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2552

ความหมายของคำว่า "นักศึกษา" ใน Google

วันนี้เริ่มจากจะหารูปพวกนึกศึกษามาดราฟเป็นเส้นแล้วทำงาน....เลยลองกดไปที่ Google
.
.
.
.
ผลลัพท์ ดังนี้

รูปที่ 1


รูปที่ 2


รูปที่ 3

รูปที่ 4


เยี่ยมจริงๆ

วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552

รู้จักกันมากขึ้น เข้าใจกันมากขึ้น

คนที่เกิดวันที่ 29 (โคตรตรง)

รักใครไม่ผันแปร
คนเกิดวันที่ 29 มีโชคเบื้องต้นหรือจะเรียกว่าพรสวรรค์ก็ตามใจ อยู่ที่ความคิดสร้างสรรค์ และความสามารถในการประดิษฐ์ อันเป็นการทำให้ความคิดสร้างสรรค์ กลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้ นักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์คิดค้นหลายคนเกิดในวันนี้ คนเกิดวันที่ 29 ส่วนใหญ่จะมีความสุขมาก ถ้าได้ทำงานในด้านการประดิษฐ์คิดค้น การทดลองทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
และเขาหรือเธอ มักจะประสบความสำเร็จ ในด้านนี้อย่างรุ่งโรจน์
โดยเหตุที่พื้นนิสัยเป็นเช่นนี้ คนที่เกิดวันนี้จึงมีเพื่อนหรือคนรัก ที่มีความเข้าใจไม่ปล่อยให้เขาหรือเธอ จมอยู่กับเครื่องมือทดลองวิจัยทางวิทยาศาสตร์ หรือในห้องคอมพิวเตอร์ แต่ควรจะต้องพาเขาหรือเธอ ออกไปสู่สังคม รู้จักโลกที่แท้จริง รู้จักชื่นชมกับความสุข และความงามของมนุษย์ ของธรรมชาติ ของภาษากวี ดนตรี และศิลปะ
เรื่องอย่างนี้บางทีพ่อแม่ต้องทำตั้งแต่วัยเด็กด้วยซ้ำ แทนที่จะดีใจว่าลูกของท่านอันเกิดวันที่ 29 เป็นคนขยันเรียนอย่างเดียว
ความทุกข์ของคนเกิดวันที่ 29 จะเกิดขึ้นในเมื่อเขาหรือเธอ ต้องทำงานที่ตัวเขาหรือเธอผู้นั้นไม่ชอบใจทำ หรือต้องเรียนรู้หรือทำความเข้าใจในเรื่องที่เขาไม่สนใจ เขาจะเบื่อเรื่องดังกล่าวเหล่านั้นง่าย ๆ คนเกิดวันที่ 29 เบื่อง่าย ถ้าไม่ได้งานที่ชอบก็จะเบื่อทันที
อันที่จริงแล้ว คนเกิดวันที่ 29 เป็นคนมีเสน่ห์ และน่ารักกับคนที่เขาหรือเธอพอใจ เป็นคนที่เรียกได้ว่ารักเดียวใจเดียว เมื่อได้พอใจหรือรักใครแล้วก็จะไม่ผันแปรไปได้ มีความรับผิดชอบต่อคนรักและครอบครัวดี แต่ใครก็ตาม ที่เป็นคนรักกับคนที่เกิดวันนี้ ก็จะต้องพบข้อยุ่งยากบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อยุ่งยาก อันเกิดจากความเก่งแต่ประสบการณ์ดิ่งลึก
มากกว่ากว้าง ของเขาหรือเธอผู้นั้น ทำให้เขาหรือเธอเป็นคนมองโลกอย่างไม่เข้าใจ บางทีถึงกับกลายเป็นคนหลงตัวเอง หรือหลงกลุ่มไปได้ เช่นหลงผิดไปว่ากลุ่มของตนเท่านั้น ที่มีความชำนาญในสาขาวิชาชีพนี้เป็นเลิศ หรือเป็นพวกที่ชอบมองว่าคนต่างกลุ่ม มีเกียรติน้อยกว่าตน
บางทีเผลอ ๆ ยังแอบดูถูกภรรยาสามี และญาติของภริยาสามีว่าโง่กว่าตนก็มี
และที่สำคัญคนเกิดวันที่ 29 เป็นคนที่แม้แต่คนใกล้ชิดที่สุด ก็ยากที่จะหยั่งรู้ความรู้สึกจริง ๆ ของเขาหรือเธอได้ เป็นพวกที่ชอบมีชีวิตลึกลับชวนให้คนพิศวง และเขาหรือเธอผู้เกิดวันที่ 29 จะรู้สึกอึดอัดใจมาก ถ้ามีคนรู้เกี่ยวกับตัวเขาหรือเธอ มากกว่าที่ต้องการให้รู้

090909

วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552

Laos Town Story (ตะลอนลาว) ตอน เวียงจันทร์กันเอง

บทที่ 20 กลับ

ถึงสนามบิน สนามบินที่นี่ไม่ใหญ่มากนัก คนก็เงียบเหงาด้วย มาถึงก็ซัดไป 1 ดอก เข้าห้องน้ำ(ปวดท้องมาก) เด๋วไม่ตรงกับ Concept 55+ มาถึงสนามบิน 4 โมง เครื่องออก 5 โมง ระหว่างที่รอก็ตื่นเต้นกับการขั้นเครื่องครั้งแรก พอได้เวลาก็ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไรนัก แต่เมื่อถึงเวลาตอนอยู่ในเครื่องบินแลัวกำลังขึ้นนี่ซิ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น เหงื่อแตก หูอื้อ แก้วหูอยากจะแตกให้ได้ รู้สึกกลัวๆ (นั่งติดหน้าต่างด้วย) จนถึงสุวรรณภูมิ หูก็ยังไม่ได้ยินอะไรเลย….เดินมาโหลดกระเป๋า แลัวหาแท็กซี่ขึ้น…..ระหว่างอยู่บนรถ เห็นไฟรถ ไฟถนน ไฟจากตึก บิลบอร์ด แสงสี และรถยนต์…..มันช่างวุ่นวายเสียจริง

ในที่สุดก็กลับถึงบ้าน กลับสู้ชีวิตที่วุ่นวายกันต่อ อาจดูจบแบบท้อๆ แต่ความรู้สึกของผมที่มีต่อลาว ผมรู้สึกอยากไปอยู่ที่ตรงนั้น เพราะรู้สึกว่ามันเหมาะกับสไตส์การใช้ชีวิตของผมอย่างมาก อย่างน้อยๆ ก็แอบคิดกับตัวเองเหมือนกันว่าเร็วๆ นี้ ว่า ตะลอนลาวจะมีภาค 2 แน่นอน…..สะบายดี

ท่าสนามบิน อุดรฯ


ไม่ได้กลับคันนี้


กลับมาสู้ชีวิตต่อ 55+

Laos Town Story (ตะลอนลาว) ตอน เวียงจันทร์กันเอง

บทที่ 19 เวียงจันทร์ - อุดร

ออกมาหารถจัมโบ้ (สามล้อไทยนี่แหละแต่ใหญ่กว่า) ค่ารถจากโรงแรมไปท่ารถทัวน์ราคาประมาณ คนล่ะ 80 บาท(ถามจากพนักงานโรงแรม) แต่..พี่จัมโบ้ เรียกไป 120 บาท!! รู้ทันเลยต่อเหลือ 80 บาท ให้ได้ ต่อไปสักพักลดลงมาที่ 100 บาท จะไม่ยอมท่าเดียว กว่าจะยอมก็อ่ะน่ะ มีรถมาอีกคัน เรียกแค่ 80 บาท พี่จัมโบ้เดิมก็โวยวายรถอีกคันว่ามาแย่งลูกค้าได้ไง ไอ้คันใหม่ก็บอกว่า “เอ๊งเรียกแพงเอง” กลายเป็นเรื่องใหญ่โตกันอีกจะไปต่อยกันซะงั้น ไอ้เราก็เซ็งทันที จะไปหาคันอื่น ยังไม่ทันไรก็ตกลงกันได้ 80 บาท ไอ้เราก็อ่ะๆ โอเค ไม่อยากหาคันอื่นแหละ เลยนั่งมาที่ท่ารถ บรรยากาศบนท้องถนนต้องบอกว่ารถค่อนข้างเยอะกว่าที่เคยเห็น อย่างว่ามันเป็นวันทำงาน(วันจันทร์) รถออก 11 โมงถึงท่ารถ 10 โมงครึ่ง นั่งรอรถสักพัก ดูนู่นดูนี่ ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเท่าไร จะมีก็ประปรายเป็นพวกฝรั่งไปเลย ส่วนมากผู้โดยสารก็เป็นลาวนี่แหละ คนไทยน้อย….ถึงเวลาขึ้นรถ เนื่องจากไปจองมาตอนเช้าก่อน เลยได้ตั๋วหน้าสุด ฝั่งตรงข้ามมีสาววัยรุ่น 2 คน มานั่ง หน้าตาใช้ได้(เลยทีเดียว^________^) มาสองคนแต่เนื่องจากที่เต็มพอดีเหลือ 1 ที่พนักงานบนรถเลยเอาเก้าอี้พลาสติกกลมๆ มาให้นั่ง(ที่เสริม 55+) นี่ถ้าไม่ได้มากะก้อย ลุกให้นั่งเลยน่ะเนี่ย น้ำใจล้นเหลืออยู่แล้ว บนรถมีทีวีเปิดคาราโอเกะให้ดู อยู่ลาวดูคาราโอเกะลูกทุ่งไทย และดันเป็นเพลงของคนใต้บ้านเราอีกด้วย นั่งรถมาที่ด่านตรวจสะพานมิตรภาพ ลงจากรถเพื่อไปให้เค้าประทับตราลงใน passport แล้วเดินกลับมาขึ้นรถข้ามไปไทยต่อ ถึงค่านตรวจไทยอีกที ก็ลงไปประทับก่อน แต่นานหน่อยเพราต้องตรวจเข้าเมืองสำหรับคนลาวเข้าไทยแลัวขึนมาอีกทีสาวหน้ามล 2 คนนั้นก็ลงที่นี่ไม่ได้ไปต่อ หลังจากนั้นก็ตรงไปยาวๆ หลับไปตลอดทาง ตื่นมาอีกทีก็ถึงท่ารถอุดรแหละ ใช้เวลาไปประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ ถามพนักงานว่า นานแบบนี้เลยหรอ พนักงานบอกว่าวันนี้ตรวจนาน และระหว่างทางตำรวจไทยตั้งด่านด้วยเลยขึ้นมาตรวจกระเป๋าทีล่ะคน ลงจากรถปับ โดนรุมทันที(พวกสามล้อ) เลยรีบเดินออกไปข้างนอกตั้งหลัก เดินไปเรื่อยๆ ด้วยความหิวโซ และต้องการกินอะไรก่อนขึ้นเครื่องด้วยเดินเดินเดินออกมา เหลือบไปเห็นเซ็ลทรลอุดรฯ !!! เลยเข้าไปตั้งหลักหาอะไรกินด้วย เย็นอีกต่างหาก และแถบนั้นก็ไม่ค่อยมีอะไรกินเลย ตกลงกินกันที่ร้านเอ็มเค……

กินอิ่ม เดินทางต่อ หารถไปสนามบิน (ถามประชาสัมพันธ์เซ็ลทรัล เค้าบอกว่าต้องนั่งรถสามล้อไป พราะจะเข้าข้างในด้วย) เลยหารถสามล้อ (คล้ายกับจัมโบ้ที่ลาวเลย) ราคาตกที่ 150 บาท (โคตรแพง) แต่ระยะทางพอได้นั่งไปจริงๆ ก็แอบบไกลเหมือนกันน่ะ ตอนจะขึ้นรถดันลืมแว่นตาสุดเท่ ที่ร้านสุกี้ซะอย่างนั้น เลยต้องวิ่งกลับไปเอา ทางร้านเก็บไว้ให้ (ขอบคุณคร้าบบบบ)

บรรยากาศท่ารถ


ประตูทางขึ้นสะพานมิตรภาพ ลาว-ไทย


บนสะพาน


ด่านตรวจฝั่งไทย

วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2552

Laos Town Story (ตะลอนลาว) ตอน เวียงจันทร์กันเอง

บทที่ 18 เช้าวันสุดท้าย

ตื่นมาต่างจากวันอื่น เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่อยู่ลาว (ยังไม่ได้อยากกลับเลยยย ให้ตายซิ) ลุกจากเตียง ได้ยินเสียงดังกว่าวันอื่น เดินออกไปที่ระบียง ชะโงกดูข้างล่าง เห็นเด็กๆ นักเรียน รถเยอะกว่าทุกวัน มีเด็กไปเรียน มีผู้ใหญ่ไปทำงาน ชีวิตประจำของที่ี่กำลังเริ่ม อาบน้ำ เก็บของ (ของหนักกว่าขามาอีก) เบียร์ เหล้านี่มันหนักจริงๆ 55+ ยังไม่กลับเพราะมีภารกิจสำคัญ นั่นคือการไปส่งไปรษณีย์ คืนรถมอไซค์ และจองตั๋วรถทัวน์ ลงมาจากห้องออกโรงแรม ยังไม่ได้เช็คเอาท์ แล้วรีบแวันไปที่ทำการไปรษณีย์ ทันที (อยู่ข้างตลาดเช้า) จอดรถเข้าไปข้างในถามพนักงานแถวนั้นว่าส่งจดหมายต่างประเทศช่องไหน….ช่อง 6….ส่งเรียบร้อย แค่บอกว่าพนักงานในช่องว่า “Thailand” จ่ายตังค์แล้วเดินออกมาเลย ไปทำอย่างอื่นต่อ ขี่มอไซค์ออกมายามเรียกเก็บเงิน(ยามหรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่าเฝ้ารถ) ประมาณ 20 บาทมั่งจำไม่ได้(แพงกว่าค่าจอดรถที่มาบุญครองอีก) ออกมาขับรถออกไปท่ารถทัวน์ (อยู่หลังตลาดเช้า :D อยู่ใกล้ๆ กันหมด) รถทัวน์บางคันก็มาจากอุดร, หนองคาย เต็มไปหมด ค่าตั๋ว์ไปลงอุดร 20,000 กีบ(80 บาท) รถออก 11 โมง ซื้อตั๋วเสร็จก็ออกไปหาอะไรกินตอนเช้า และขับรถชิวๆ อีกรอบก่อนคืนรถที่ร้าน……ขับไปหาร้านเฝ่อที่คนขายขนมปังแถวโรงแรมแนะนำ ว่าอยู่แถวพระธาตุดำ วนอยู่สักพัก หาไม่เจอ แต่ไปลองนั่งตามแถวนั้น เป็นร้านคล้ายๆ อาหารตามสั่ง คนโล่งและดูเงียบดี เป็นร้านที่บอกได้ว่าเสียดายน่ะ เพราะอาหารอร่อยโดยเฉพาะลาบ (แต่เค้าผัดแบบแห้งๆ ) ราคาไม่แพงประมาณ 25-35บาท เยอะด้วย กินเสร็จก็ขับรถไปส่งที่้ร้าน นำมันยังเหลือมากกว่าที่เช่าวันแรกอีก :D ขอบคุณเจ้าของร้านที่แถมให้ยืมรถตอนเช้า (วันที่ 3) ด้วยเพราะตอนแรกเช่า 2 วัน และไปคุยกับเค้าว่าขอคืนช่วงเช้าได้ไหม ทางร้านโอเค น่ารักมากครับ ใจดีด้วย เดินกลับโรงแรมเผื่อเก็บของเตรียมกลับบ้าน รอเวลาขึ้นรถทัวน์ 11 โมง…เช็คอิน เดินออกจากประตูโรงแรม(ทุกทีเวลาออกไปไหนออกทางข้างโรงแรม เพราะมีที่จอดรถมอไซค์(ฮา) ไม่ค่อยได้ออกประตูหน้าเท่าไร)

สภาพจราจรตอนเช้า


ร้านข้าวที่กิน กับ วิทยาลัยของลาว


มื้อเช้าแสนอร่อย กับ ลาบแห้ง

Laos Town Story (ตะลอนลาว) ตอน เวียงจันทร์กันเอง

บทที่ 17 ”ตึ๊ด ตึ๊ด”

ช่วงเย็นๆ หัวค่ำ หลังจากไปเก็บของอาบน้ำ เตรียมเที่ยวกันต่อ ไปที่ริมโขงก่อนเลย ช่วงเย็น วันอาทิตย์แบบนี้ จะมีคนเอาของมาขาย (เหมือนตลาดคนเดินแต่ไม่เยอะเท่าานั้น) เดินไปเรื่อยๆ ร้านก็จะประมาณ เสื้อผ้า สิ่งทอ ชุดพื้นเมือง พวกกระโปรงถักทอเป็นส่วนใหญ่ ของขายน้อยไปหน่อย ไม่เยอะเท่าที่คิด ไม่ค่อยมีอะไรโดนๆ เท่าไร ว่าจะไปเที่ยวผับ แต่ไม่รู้จะไปแถวไหน ร้านไหน เลยตกลงกับก้อย ก่อนว่าจะไปกินข้าวให้เรียบร้อยจะได้ไม่หิวเวลาอยู่ที่ผับ ดิ่งไปร้านแถววัยรุ่นกินข้าวกันเหมือนเดิม สั่งก๋วยเตี๋ยวกับข้าวหมูแดงเหมือนเดิม นั่งไปเหล่วัยรุ่นไป หาโอกาสไปถามร้านเหล้า…..จังหวะเหมาะ!!!! เดินไปหาวัยรุ่นชายคนหนึ่ง ถามว่า แถวนี้มีผับให้เที่ยวไหม วัยรุ่นชายก็ งง เหมือนฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ฟังไทยไม่ค่อยออก คุยไปสักพัก ได้ใจความประมาณว่า เค้าไม่ค่อยเที่นวกลางคืน แถมพูดงงๆ ด้วย เลยเออออห่อหมกแล้วเดินออกมา…ขอบคุณคร้าบบบบบบ…กลับมาที่โต๊ะกินข้าว ตั้งหลักอีกที ทีนี้ให้ก้อยไปถามโต๊ะข้างๆ เป็นแก๊งค์วัยรุ่นกลุ่มใหญ่ 5-6 คน ผู้หญิงกับกระเทย ถามไปได้คำตอบมาว่า ดีๆ ก็มี 2 ที่ ชื่อว่า โนโวเทล (คุ้นๆ ไหมครับ ก็ของคนไทยแหละ ผับของโรงแรมโนโวเทล) อีกที่ชื่อว่า มีน่าผับ วัยรุ่นลาวเล่าสั้นๆ ว่า ไปมีน่า ม๋วยหลายกว่าเยอะ หลังจากได้ฟังคอมเมนท์ แค่นั้นแล้ว ตัดสินใจได้เลยว่าเราจะไปผับมีน่า ก็เลยถามย้อนไปว่า แล้วพวกเธอไม่ไปกันหรอ วันนี้ไปที่ไหนกันหรอ ชาวแก๊งค์ตอบกลับมาได้อย่างน่ารักว่า “อ๋อ วันนี้ ข๋อยบ่มีโปรแกรมเน้อ” อืมม เยี่ยมครับ หลังจากได้แหล่งเที่ยวแลัว สักพักก็เรียกพนักงานเก็บแล้วบึ่งไปทันทีขับไปเส้นเดียวกันกับไปสะพานมิตรภาพลาว-ไทย แต่ไม่ได้ไกลขนาดนั้นประมาณ 15 – 20 นาทีก็ถึง ลักษณะผับที่นั่นใหญ่และค่อนข้างเด่นเพราะแถบนั้นเป็นพื้นที่โล่งเตี่ยน เข้าไปจอดรถเสียค่าจอด 2,500 กีบ พนักงานสุภาพแทบจะเข็นรถให้เราเลย

เข้าไปในร้านพนังงานเก็บไปหมดแต่งตัวเหมือนบ๋อย ทางเข้ามีต้นค้นตัวกับกระเป๋าด้วยน่ะ …ในผับ นั้งกันอยู่ 1 โต๊ะถ้วนเท่านั้น ยืนงงๆ หาที่นั่ง ไปที่นั่งแถวใกล้ๆ บาร์ และใกล้ห้องน้ำ (จะได้สังเกตวัยรุ่นลาวได้) สั่งเบียร์มา 1 ขวดก่อน ราคา 20,000 กีบ (80 บาท) ถามบ๋อยมีกับแกล้มไหม (บ๋อยได้ใจมากคุยเก่ง) ได้ถั่วกับเนื้อแดดเดียวแห้ง(เนื้อควาย) ราคา 20,000 กีบ เท่ากันหมด มีอยู่ 2 อย่าง วัยรุ่นที่นี่เริ่มมา ประมาณ 4-5 ทุ่ม ผู้หญิงที่นี่แต่งตัวธรรมดาน่ะปกติ นานๆ จะเห็นแต่งตัวสวยๆ เต็มที่ แบบบ้านเรา ยิ่งดึกไฟยิ่งเต็มรูปแบบ แสงตระการตามาก เพลงไม่ได้เปิดดังมาก พอคุยได้ยิน แนวเพลงที่เปิดก็เพลงไทย ฝรั่ง ลาว ลดหลั่งตามลำดับ มีจอสไลด์ด้วย ตอนแรกก็คิดว่าจะมีบอลให้ดูแน่นอน กลับเป็นว่า เค้าฉายหนัง!!! แล้วที่สำคัญ ดันเป็นหนังเรื่อง บ้านผีปอบ ภาค 10 โอ้วววว นี่กรูมาร้านแนวเลยน่ะเนี่ย 555+ ไม่มีใครดูเลยน่ะ จะมีก็บ๋อยเนี่ยแหละ นั่ง+ยืนดูกัน ห้องน้ำนี่เด็ดมาก มีแป้ง มีหวี ให้เสริมสวยตลอดเวลาไม่ได้มีแต่ห้องน้ำหญิงน่ะ ชายก็มีกับเค้าด้วย

ที่นี่ราคาเหล้าประมาณ พันกว่าบาทขึ้นไป(ยี่ห้อจอนห์นี่วอกเกอร์ เป็นส่วนใหญ่) แต่ทีเด็ดอยู่ที่ MIX ฟรีตลอดคืน แหล่ม55+ อยู่ผับจนถึงประมาณ 5 ทุ่มกว่าๆ ไม่อยากกลับดึกมาก เพราะเกรงใจโรงแรมต้องคอยเปิดประตูให้และวันพรุ่งนี้ต้องรีบตื่นเก็บกลับบ้านและแวะไปส่งโปสกาณืดด้วย ขากลับรู้สึกว่าไม่ไกลเท่าไรเพราะขามาอ้อม(ทาง oneway ก็งี้แหละ) ถึงโรงแรม มานั่งกินโปสการ์ด ใครไม่ได้เสียใจด้วย รอทริปหน้าล่ะกันเน้อ เขียนไปมึนหัวไป (เมาไฟที่ผับนี่แหละ) เลยเดินไปอ้วก 1 รอบให้หายเอียนแล้วกลับมาเขียนต่อ (สปิริตแรงเกล้า) แลัวฮึดพลังสุดท้ายไปอาบน้ำนอน เตรียมกลับบ้าน…..

ตลาดคนเดิน ริมโขง


ตู้ไปรษณีย์, PEPSI ลาว


กับแกล้ม


ฉายบ้านผีปอบจริงๆ


คุณบ๋อยอารมณ์ดี ถามไรตอบได้หมด

Laos Town Story (ตะลอนลาว) ตอน เวียงจันทร์กันเอง

บทที่ 16 ตะลอน

ขับรถไปเที่ยวต่อ แวะไปที่พระธาตุหลวง ที่นี่เป็นลานกว้างมากกกกกก ตัวพระธาตุสีทองลักษณะคล้ายๆ วัดอรุณบ้านเรา ร้อนตับแตก นั่งเล็งถ่ายรูปไปมา ก็ทนไม่ไหว เดินกลับมาที่รถ เผื่อขับไปที่อื่นต่อ ผ่านพระธาตุดำ พระธาตุดำจะเป็นวงเวียนเล็กๆ ให้รถผ่านเฉยๆ สวยดี ที่ดำเพราะตัวพระธาตุเป็นปูน-อิฐ แล้วโดนเผาล่ะมั่งครับ(ไม่ได้อ่านประวัติมา) พระธาตุดำนี่อยู่ในตัวเมือง คล้ายๆ เจดีย์ บ้านเรามีหญ้าขึ้นแซมๆ ความสดชื่นของสีเขียวต้ดกับความขลังของสีดำ เข้ากันลงตัวดีเหลือนเกิน ขับผ่านประตูชัย ว่าจะแวะไปกินกระเปี๊ยบอีกรอบ(ติดใจ) แต่เค้ากำลังเก็ยพอดีเลยอด เลยขับรถวนแถวโรงแรม (จะสังเกตได้ว่าผมขี่มอไซค์ท้งวัน) แวะไปหาอะไรกินตอนช่วงเที่ยงกว่าๆ แต่ผิดคาด มันดูเงียบมากๆ ไม่มีอะไรขายเลย จะเหลือก็แต่ร้านขายขนมปังฝรั่งเศษ เดินไปเดินมาถามคนแถวนั้นว่าทำไมมันเงียบผิดปกติ…ได้ความว่า คนที่นี่จะพักผ่อนช่วงบ่าย ช่วงบ่ายแก่ๆ จนเย็น จะกลับมาขายอีกที ดีชะมัด เลยต้องไปร้านขายขนมปัง โชคดีที่มีมาม่ามาด้วย เข้าโรงแรม ไปเอาของเก็บและแวะไปที่ตลาดเช้าอีกครั้ง เพื่อที่จะไปซื้อของฝากอีกครั้ง

มาถึงตลาดเช้าที่ขายทั้งวัน ก็เดินๆ ดูของฝาก….สิ่งที่ได้มา เสื้อยืด 60-70 บาท บุหรี่ดอกไม้แดง 15 บาท กาแฟลาว 3 รส 100 บาท และที่แพงที่สุดแต่สมใจอยากก็คือเสื้อบอลทีมลาว 200 บาท ช่วงนี้เริ่มเห็นโฆษณา สินค้าของซีเกมส์ เพราะสิ้นปีนี้มีจดทืี่ประเทศลาวนี่แหละ (อ๋อได้ลองกินกาแฟของลาวด้วย ไปกินร้านที่มีคนเยอะ ร้านประมาณว่าเป็นบูธเหมือนร้านกาแฟบ้านเรา ขมๆ กลิ่มหอมดีแต่ไม่คุ้นเท่าไร อร่อยไปอีกแบบ) เดินซื้อซะเยอะ เพลินๆ หลังจากนั้นไปเติมน้ำมันก่อนเลย เพราะคืนนี้เต็มที่แน่นอน555+ ก่อนกลับโรงแรม แวะขายขายโปสการ์ดแถวโรงแรมก็ซื้อมา 10 ใบ เตรียมเขียนให้ พี่น้องและพองเพื่อน และค่อยกลับโรงแรม เตรียมไปตึ้ด ตึ้ด คืนนี้(ใครไม่เข้าใจคำว่า ”ตึ๊ด ตึ๊ด” ก็โทรมาถามล่ะกัน 5555+

พระธาตุดำ (ดำแกมเขียว)


ชัดๆ กับพระธาตุหลวง


รอบๆ พระธาตุหลวง


อิ่มท้องกับอาหารฝรั่งเศส