วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ต่อยอด..ความสุข

หลายวันก่อนหน้านี้ ผมลองโชว์ป๋า………ป๋ายังไงน่ะหรอฮะ มันมีที่มาที่ไปครับ


เรื่องมีอยู่ว่า ปกติทุกวันในการเดินทางมาทำงานผมจะซื้อบัตรรถไฟฟ้าใต้ดินเป็นรายเดือนอยู่ แล้ว

เมื่อถึงวันสุดท้ายขอวัน(วันสุดท้ายของบัตร) หลังออกมาจากตรงที่สแกนบัตร โดยปกติแล้วเมื่อใช้เสร็จผมก็จะทิ้งทันที เพราะผมก็ไม่ได้ใช้มันอีกแล้ว แต่วันนั้นมันต่างออกไป ผมเดินไปหาคนที่กำลังต่อแถวซื้อบัตรโดยสารแทนที่จะเดินขึ้นออกจากสถานีไปปกติ

คนที่ผมเจอนั้นเป็นอีป้าแก่ๆ กำลังต่อคิวอยู่คิวสุดท้าย ผมพูดแบบนี้ครับ

เออ โทษน่ะฮะ พอดีบัตรนี้ใช้ได้ถึงวันนี้เที่ยงคืน แล้วผมก็ไม่ได้ใช้แล้วฮะ เนี่ยกำลังจะกลับบ้านแล้ว คุณเอาไปใช้ได้น่ะครับที่ผมเรียกเขาเป็นอีป้าแก่ๆ เพราะเค้าไม่เชื่อผมคิดว่าผมจะมาหลอกหลวงเค้า(หน้าผมมันขนาดนั้นเลยหรอ) ป้าเค้าก็ปฎิเสธไป พอดีอีกคนที่ต่อคิวอยู่ข้างหน้า หันมาเหมือนได้ยินก็เกิดอาการสนใจ เค้าเลยถามผมว่าใช้ได้จริงหรอ” “จริงซิฮะ จะอำทำไม เนี่ยผมไม่ใช้แล้วจริงๆเค้าเลยรับบัตรที่ผมยื่นให้ โดยที่เค้าบอกขอบคุณแล้วยิ้มให้หนึ่ง เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจผมก็เดินออกมาอย่างเท่ๆ ที่มาเล่ามาพิมพ์เนี่ยไม่ได้คิดว่าจะมาโชว์เพาว์ โชว์เท่ บอกว่าตัวเองดีอะไรหรอก แต่ที่ทำให้อยากมาเขียนเพราะว่ามันคงรู้สึกแปลก ถ้าผมได้รับบัตรแบบนี้กับใครบ้าง อย่างน้อยๆ ตลอดในการเดินทางในรถไฟฟ้าใต้ดินอ่ะผมคงยิ้มแล้วก็นึกถึงคนที่ให้บัตรเรา แล้วผมเชื่อน่ะ ถ้ามีคนมาทำดีๆ แบบนี้ รับรอง เราซึ่งเป็นคนที่ได้รับการกระทำ จะต้องออกไปทำต่อๆ แบบนี้แหละ ต่อยอดน้ำใจแบบนี้ผมรู้สึดดีชะมัดเลยครับ :D

วันอังคารที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2553

รถเมล์...บรรยากาศจำลองของสังคมจริง

ตั้งแต่รถมอไซค์คว่ำไป 2 รอบ...ก็เข็ด จึงหันกลับมาใช้รถสาธารณะเหมือนเดิม


รถเมล์ คือพาหนะแรกในการเดินทางไปที่ทำงานโดยไปต่อรถไฟฟ้าใต้ดิน

สมัยเรียนเป็นคนที่ชอบนั่งรถเมล์(แอร์)มากๆ เพราะเวลาที่หลังจากเลิกเรียนจะมีการบ้านให้กลับไปคิด...ก็บนรถนี่แหละที่เป็นสถานที่ที่เกิดไอเดียมากที่สุดนั่งริมหน้าต่างดูนู่นนั่นนี่ไปเรื่อย


ปัจจุบันยังนั่งรถเมล์อยู่(ฮา) แต่ก็มีบ้างที่ได้มีโอกาสได้นั่งคิดงานบนรถเมล์


แต่ประเด็นที่นั่งพูดไม่ใช่เรื่องงานน่ะซิ พอได้มานั่งรถสาธารณะรวมกับคนอื่นๆ แล้วได้รู้เลยว่าคนเรามันเห็นแก่ตัวจริงๆ ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย คนเก็บเงิน ยันคนขับรถ เมื่อ 10 ปีที่แล้วเป็นยังไงมาถึงตอนนี้ก็เมื่อเดิมหมดทุกอย่างยกเว้นรถที่เปลี่ยนสี 555


ผู้หญิงก็หวังที่ผู้ชายจะลุกให้ตัวเองนั่ง..ผู้ชายก็หวังจะไม่ให้ผู้หญิงมายืนใกล้ที่ที่ตังเองนั่งจะได้ไม่ต้องลุกให้..ส่วนพนักงานขับรถเมล์แอร์ ในรถมีป้ายห้ามดูดบุหรี่ในรถ เม่งก็เปิดหน้าต่างแล้วยื่นหน้าไปดูดนอกรถ...เอากับมันซิ แล้วที่พูดนี่ไม่ใช่ตัวเองดีน่ะ บางครั้งเคยเหมือนกันที่ไม่ได้ลุกให้ใครนั่ง แล้วก็เคยเหมือนกันที่เห็นว่าข้างหลังมีที่นั่งแต่อีป้าก็มายืนคิดว่าให้นั่งยืนตั้งนานจนมีคนอื่นไปนั่งที่ว่างเลยต้องมายืนตลอดโดยที่หวังจะให้คนอื่นนั่ง...เพื่ออะไร....


ก็ที่คนซื้อรถมากขึ้นมากขึ้นมากขึ้น เพราะเค้าจะหลบหลีกจากพวกนี้ไม่ใช่หรือไง แล้วรัฐบาลก็รณรงค์ไปดิว่าให้มานั่งรถสาธาณะ ดูสถาพดิเม่งห่วยมากแล้วใครจะไปอยากนั่งว่ะ


ตราบใดที่ผู้ว่าฯ หรือแม้กระทั่งนายกฯ ไม่เคยนั่งรถสาธารณะ ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาไอ้พวกนี้ได้หรอก