วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เลือกแบบไหน

เนื่องจากที่เคยบอกในเรื่องที่ว่า "เราพบกันเพราะ(ตัว)หนังสือ" เลยได้มาเจอน้องคนหนึ่ง...ขอเอาเรื่องน้องพูดถึงน่ะ คงไม่ว่ากัน


เป็นเด็กกำลังขึ้นปีสาม เรียนวิศวะ(ถ้าจำไม่ผิดน่ะ ถ้าผิดก็มาว่าหลังไมค์เลยน่ะ) เป็นผู้หญิง น่ารักตาโตขาวสวยหมวยอึ่มคุยเก่งชอบดูหนังฟังเพลงแต่งตัวเก๋รวยไฮโซติดดิน....โอเคเริ่มไปไกลแหละ 555 เข้าเรื่องเลยน่ะ ก็พูดคุยเปลี่ยนทัศนะคติไปมาจนมาคุยกันเรื่องเรียน...น้องเค้าบอกพูดมาว่าอยากจะเรียน "สถาปัตย์-ออกแบบภายใน" แล้วน้องก็พูดมาอีกคำที่เท่มากๆ ว่า "เนี่ยพี่ เด๋วหนูจะซิวเข้าสถาปัตย์แหละ" ไอ้เราก็ฟังแบบนั้นก็ฮึกเหิ่มเลยช่วยเชียร์ให้เลือกไปทางที่ชอบ เพราะถ้าไม่ชอบแล้วฝืนเรียนไปสุดท้ายก็ต้องทำงานกับสิ่งที่ไม่ชอบ-ทำงานกับสิ่งที่ไม่ชอบ นี่มันไม่มีความสุขเลยน่ะฮะ โอเคแน่นอน วิศวะ อาจทำให้เงินดี มีเงินเดือนสูงๆ ก็จริงอยู่ แต่ทุกๆ เช้าที่ตื่นขึ้นมาเพื่ออยู่กับสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบจะมีความสุขก็เต็มที่ก็ไอ้วันเงินเดือนออกนี่แหละ ซึ่ง 1 เดือนจะมีความสุขแค่ 1 ครั้ง.....เท่านั้นเองหรอกหรือที่อยากเป็น แต่ถ้าเราทำงานกับสิ่งที่เราสนใจล่ะ ทำงานกับสิ่งที่เราชอบล่ะ แบบนี้จะเรียกว่างานไหม โอเคงานอาจมีบ้างที่เหนื่อย มีบ้างที่หนักหนาสาหัส แต่ถ้ามันเป็นสิ่งที่ถนัดที่รักที่ชอบ แน่นอนมันต้องผ่านได้ดีกว่าสิ่งที่ไม่ชอบไม่ถนัดหลายเท่าตัวอยู่แล้ว แล้วถ้าฝืนแบบว่าเรียบจบวิสวะแต่ไปเรียนเพิ่มเติมด้านออกแบบ เผื่อให้ได้ทำงานเกี่ยวกับงานออกแบบได้..อันนี้คงไม่ดีแน่ๆ จะยิ่งเสียเวลาและเสียโอกาสเข้าไปอีก แถมบางคนเรียนมาตั้งนานยังไม่รู้เลยว่าตัวเองชอบอะไร เรียนตามเพื่อนด้วยซ้ำไป การที่เรารู้จักตัวเองว่าชอบอะไรนี่ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีช้าหรือเร็วเกินไปอยู่แล้ว มันน่าเศ้ราถ้ารู้ว่าชอบแต่ไม่ทำนี่ซิ..........ถือว่าเป็นเหตุการ์ณตัวอย่างที่ดีมากๆ และเป็นไอดอลของผมได้เลยน่ะในการตัสินใจตามล่าความฝัน ยิ่งกว่า เดอะสตาร์ หรืออคาเดมี่ฯ นั่นอีก (ฮา)


มาวันนี้น้องเค้าได้ติดคณะที่ตัวเองอยากเรียนแล้ว (กำลังจะเปิดภาคเรียน) ก็เอาใจช่วยเต็มที่แล้วเมื่อเรียนจบออกมาได้อยู่กับสิ่งที่เรารัก แค่อีก 4 ปี ต่อจากนี้ ไม่ได้นานเกินไปเลย ซู่ซู่