วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2555

"คนอิ่มบุญ หมาอิ่มท้อง"

วันนี้มีเรื่องราวดีๆ จะเล่าให้ฟัง.....ย้อนกลับไปเมื่อเดือน 11 ปี 2554 วันที่หงุดหงิดสูกสาวสุดสำคัญของชีวิตได้ครบรอบสองขวบแล้วก็ทำลายรูปหงุดหงิดลงบล๊อกปกติ จนกระทั่งเวลาผ่านไปนานๆ เข้าจนมาถึงปี 2555 เดือน 2 ก็คิดว่าอยากทำเสื้อขายแล้วเอาเงินไปบริจาคให้หมาเพื่อตั้งใจทำบุญฉลองวันเกิดหงุดหงิดก็เลยได้ Project มาอันหนึ่งที่ชื่อว่า "คนอิ่มบุญ หมาอิ่มท้อง" ซึ่งลายก็เอาลายที่เคยทำเป็นหน้าหงุดหงิดนี่แหละ มาขายในราคาตัวล่ะ 300 บาท (รวมค่าจัดส่ง) 

ผลที่ได้คือ...ยอดขายทะลุเกินกว่าที่คิดไว้มากๆๆๆๆๆ ดีใจที่ไปบังคับคนใกล้ตัวซื้อจนได้ (ฮา) ก็หลังจากที่ส่งเสื้อให้คนใจบุญแล้วก็มีคนที่ได้รับเสื้อบางคนก็ส่งรูปมาให้กัน ทั้งคนที่เรารู้จักกันสนิทๆ ไปจนถึงบางคนที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาเราแต่ก็ยังเชื่อใจมั่นใจเราพร้อมกับบริจาคเงินมาให้ต่างหากด้วย (เพื่อนผมคนหนึ่งมันบริจาคเงินมาให้แต่บอกว่า กูให้เงินแต่ไม่เอาเสื้อได้ป่ะ...ลายกูไม่สวยใช่ป่ะ แสรดด)

หลังจากดองเงินกำไรค่าเสื้อมาแรมเดือนก็ได้เวลาไปบริจาคสักที โดยที่เรามีแผนจะไปบริจาคกันที่ บ้านของ"ป้าเอ๋" ที่จังหวัดนนทบุรี แถววัดสวนแก้ว ก็นัดกันไว้กับเพื่อนอีกคนคือวันที่ 28/04 ซึ่งก่อนถึงวันไปบริจาคจริงๆ หนึ่งอาทิตย์ก้ได้ไปสำรวจไปหาที่บ้านป้าเอ๋ เพราะตั้งใจจะไปถามไถ่ว่าขาดเหลืออะไรบ้าง หมากินอาหารแบบไหนจะได้ซื้อมาตรงกันจะได้ไม่ต่างยี่ห้อเด๋วหมาไม่คุ้น แล้วเหตุผลที่เลือกที่นี่ก็เพราะหลักๆ เลยคือง่ายต่อการเดินทาง ห่างจากบ้านผมประมาณ 5 กิโล ก็เลยแว๊นฟีโน่ไป(ไอเลิฟฟีโน่) พอไปถึงก็ด้อมๆ มองๆ บ้านป้าเค้าอยู่หลังวัดสวนแก้วแถวๆ คอนโดหมาของวัดซึ่งไม่เกี่ยวกับวัดน่ะ เข้าไปวอยเล็กๆ ถนนขรุขระ อยุ่ขวามือเป็นบ้านเขียวๆ ชั้นเดียวแต่ยาวออกไปสามสี่ห้อง พอไปถึงก็ถามหาป้าเค้า ก็ได้คุยได้พูดกันอยู่ประมาณเกือบชั่วโมงครึ่งได้...น้ำตาของป้าคลอและพูดขอบคุณเกือบทุกๆ ครั้งที่สิ้นประโยค พลอยทำให้เราน้ำตาไหลไปด้วย น้ำตาบางทีที่ไหลออกมามันไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องเศร้าไปซะทุกครั้งจริงๆ :)))) หลังจากคุยเสร็จก็บอกลาแล้วก็บอกแกไปว่าเด๋ววันเสาร์หน้าจะเอาของมาให้

มาวันนี้เสาร์ที่ 28 ก็ได้นัดกับเพื่อนไว้ประมาณบ่ายสาม กะว่าเมื่อซื้อของเสร็จแดดจะได้ไม่ร้อนมากน่ะ...หลังจากที่คุยกะป้าแล้ว ป้าแกบอกให้ไปซื้ออหารที่เค้าไปซื้อประจำ ที่ปากซอยข้างวัดเฉลิมพระเกียติห่างจากบ้านป้าเอ๋ สามสี่โลได้ ก็พอเจอเพื่อน(เพื่อนซื้อข้าวสารมาให้ด้วย กระสอบใหญ่ 20 กิโลเพราะตั้งใจให้ป้าเอ๋โดยเฉพาะ) ไปถึงร้านอาหารสัตว์ ก็ได้ซื้อของ และสรุปได้ดังนี้
- อาหารหมาแบบกระสอบ 4 กระสอบ กระสอบล่ะ 20 โล (ซึ่งราคาถูกแบบว่า ครึ่งต่อครึ่งกว่าในห้าง) 
- อาหารแมว 1 กระสอบ (20 โล)
- อาหารแมว วิสกัสแบบซอง 4 โหล (ให้แมวพิการ)
- ผ้าก๊อตทำแผล แบบม้วนยาว และแบบแผ่น อย่างล่ะ 1 โหล
- เทบพันแผล อีก 1 โหล
- ข้าวที่เพื่อนร่วมบริจาคด้วย 1 กระสอบใหญ่
- เสื้อลายหน้าหงุดหงิด 1 ตัว (ให้ป้าใส่เก๋ๆ)
- เสื้ออีกหลายตัวให้ป้า (เพราะตอนที่คุยกัน ป้าเค้ามีเสื้อใส่ไม่กี่ตัวเอง)
- เงินใส่ซองอีกจำนวนหนึ่ง



รูปส่วนหนึ่งที่เพื่อนๆ ส่งมาให้ดูหลังจากที่รับเสื้อแล้ว



บรรยากาศที่บ้านป้าเอ๋



ป้าเอ๋ใส่เสื้อโชว์เลยเก๋มากๆ 


หมาของป้าเอ๋ไม่มีเกเรเลยน่ะ


หมา แมว ที่อยู่ในกรง ส่วนมากเป็นพวกพิการ


เรื่องทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีพวกคุณ
- พี่มด (ไก่ชน) ทันทีที่โพสโปสเตอร์ พี่เป็นคนแรกที่ส่งเมล์มาไวคนแรกเลยฮะ
- พี่แอน รุ่นพี่คนงาม ที่ช่วยสนับสนุนนซื้อเสื้อผมมาโดยตลอด ^^
- ฝนเตีย หรือฝนสวยและผองเพื่อนของฝน ที่อุดหนุนโดยไม่ลังเล
- คุณอุ๊กอิ๊ก (คนแปลกหน้าที่เราไม่เคยรู้จักกันแต่ส่งเมล์มาสั่งเสื้อด้วย ขอบคุณมากฮะที่เชื่อใจและสนับสนุน)
- พี่นิด เพื่อนพี่มดไก่ชน (พี่สวยมากและมีรสนิยมในการเลือกซื้อเสื้อมาฮะพี่ คราวหน้าเจอกันผมเลิกกวนประสาทพี่แหละ)
- อัน, พี่เร่ (สองพี่น้องนักทำบุญ ไม่เพียงซื้อเสื้อแถมยังเป็นคนบริจาคข้าวสารและยังขับรถมารับผมและซื้ออาหารไปบริจาคด้วยกันอีก)
- หวาน, ปัด สองสาวคนงามที่สั่งเสื้อเสื้อแหละยังแถมเป็นตัวยุให้เกิด project นี้ขึ้นมาด้วย
- คุณธิดารัตน์ (คนแปลกหน้าใจบุญอีกคนหนึ่งที่เข้ามาช่วยสนับสนุนให้เกิดสิ่งเหล่านี้ได้)
- ไอ้บิ๊กกับแฟนสุดสวย (เพื่อนจากเทพศิรินทร์ ขอบคุณมากแถมยังโอนเงินมาเกินอีกต่างหาก 55)
- เมย์ ผู้ ญ ที่เกิดวันเดียวกันเดือนเดียวกัน แต่เมย์แก่กว่าเท่านั้นเอง 555 ขอบคุณมากน่ะ
- คุณโอ๋ supermodel in love คนแรกที่ผมรู้จัก แถมช่วยสนับสนุนเสื้อด้วย
- พี่ปิ๊ก แม่สาวนักเขียนผู้มากฝีมือ ที่ช่วยสนับสนุนแถมยังช่วยแนะนำในหลายๆ เรื่องด้วย
- คุณไฮ้ คนสุดท้ายที่เกือบจะไม่ได้เสื้อแล้ว แต่สุดท้าย ก็ขอบคุณมากครับที่ช่วยกัน ^^
- ไอ้(เฮีย)ตี๋ เพื่อนจากมัธยม ไม่พูดไรมาก...มันจ่ายเงินช้าสุด
- ไอ้ชิต เพื่อนจากมัธยมด้วยเหมือนกัน ขอบคุณมาก ผู้ชายคนนี้ใจมากๆ ทั้งที่ใจชอบชายแต่มีแฟนเป็น ญ (ไม่รู้บีงหน้าหรือเปล่า 555)
- สาวจิลเรนเจอร์  คนนี้สำคัญมาก เป็นผู้ขับเคลื่อนในการประชาสัมพันธ์ต่างๆ เป็นกระบอกเสียงจนทำให้ยอดขายทะลุเกินเป้าจริงๆ ขอบคุณมากๆ น่ะ ดีใจที่รู้จัก จิลเป็นหัวหน้า(แก๊งค์)หมาอย่างแท้จริง 555
- รัตตี้ สำหรับบริจาคเงิน ^^
- ไอ้รณ (เพื่อนที่เทพฯ อีกคน) คนนี้แหละที่บอกว่ากูให้เงินแต่ไม่เอาเสื้อน่ะ โหยยยเจ็บว่ะ
- รวมถึงบุคคลที่ไม่ได้กล่าวถึงด้วยน่ะ ขอบคุณมากครับ

ขอบคุณมากๆ น่ะครับ 


วันเสาร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2555

เมื่อวันเกิดฉันเวียนมาถึงอีกปี....ปี 2555



เหลือบดูนาฬิกา....โอ้วตีหนึ่งกว่าๆ แล้วหรอว่ะเนี่ย พอดีเลยวันนี้วันเกิดเรานี่หว่า :P เฮ้อ 27 แล้วใช่ไหม (แก่ว่ะ) จิงๆ ก็ขอเรียกเป็นวันคล้ายวันเกิดให้ดูเท่ๆ มีนัยยะสำคัญเหมือนคนดังๆ เคยบอกๆ แบบนี้บ้างก็ดีน่ะ อย่างแรกเลยขอบคุณพ่อกับแม่ที่ให้กำเนิดเบิ๊ดออกมาและยังเลี้ยงจนเติบอ้วนขนาดนี้ ^^ ขอบคุณฮะ ก็เด๋วเราไปกินไรอร่อยๆ กันเหมือนเดิมเนอะ ^^

จำได้เลยว่าวันนี้ของปีที่แล้วมันเป็นยังไง เรื่องราวมันยังจำได้แม่นเหมือนมันเพิ่งเกิดกับตัวไม่นานมานี่เอง วันนั้นพอพ้นเที่ยงคืนทุกๆ วันเกิดผมจะโทรไปหาเพื่อนอีกคนหนึ่งและอวยพรให้เพราะเราเกิดวันเดียว ก็โทรไปบอกตั้งแต่ช่วงมัธยมเลยมั่งถ้าจำไม่เผียดน่ะ วันนั้นเบิ๊ดก็อยู่กับก้อยเป็นปกติ ซึ่งปกติแล้ววันเกิดเราทั้งคู่จะเฉยๆ ไม่มีไรมากก็จะกินข้าวจัดหนักบ้างหรือมีของขวัญบ้างเล็กน้อย (ปีแรกเลยจำได้ว่าเป็นรองเท้า converse สีฟ้าเข้มๆ มาหนึ่งคู่) แต่จำได้พอหลังเที่ยงคืนก้อยก็พูด "เบิ๊ดเดย์" กันปกติแล้วก็นอนเพราะพรุ่งนี้เป็นวันทำงานปกติ แต่หลังจากนั้นพอทำงานเสร็จกลับมาเจอกันซึ่งเราตั้งใจเลิกเร็วมากๆ รีบจัดการงานให้เสร็จและรีบกลับมาเพราะตั้งใจไปกินข้าวกันเหมือนทุกๆ ปี ก็พอเลิกงานก็เลยรีบโทรหาก้อย เลยก้อยก็บอกประมาณว่างานยุ่งๆ ก็ไม่มีไร เลยกลับมาบ้านเตรียมรอก้อยกลับมาจากออฟฟิคแล้วไปกินไรกัน........นานไปสักพัก ก้อยก็กลับมาเรียกให้เบิ๊ดประตู

ก้อยกลับมาบ้านพร้อมถือพายบลูเบอร์รี่ชีสเค้กมาให้จานใหญ่เลย ปักเทียนสวยงามเซอร์ไพร์มากๆ แล้วบอกว่าก้อยเป็นคนทำเองแล้วแม่ก้อยก็ยังมาช่วยก้อยทำด้วย ปกติเป็นคนที่ไม่ชอบกินเค้กหรือขนมไรแบบนี้น่ะ แต่บอกตามตรงวันนั้นดีใจมากแค่ก้อยซื้อมาให้ก็ดีใจสุดๆ แล้ว แต่นี่ก้อยอ้างว่างานยุ่งแต่จิงๆ แล้วกำลังเตรียมพายมาให้เราแบบนี้ น้ำตาจะไหลให้ได้ดีใจมากๆ แถมอร่อยมากๆ ด้วยกินไปเยอะมากๆ แล้วยังจำได้เลยว่ายังถ่ายรูปก่อนกินเก็บไว้อวดเพื่อนๆ ที่ออฟฟิคแล้วก็เก็บไว้ส่วนหนึ่งให้รุ่นพี่ด้วยเพราะเค้าก็เกิดถัดไปต่อจากเราอีกวัน..........

และก้อยจะบอกอีกว่า นี่ไม่ใด้ชื่อพายบลูเบอร์รี่ชีสเค้กน่ะ แต่เป็น พาย"บลูเบิ๊ดดี้ชีสเค้ก"

วันนี้รสชาติของพายเมื่อปีที่แล้วเป็นอะไรที่จำไม่ได้แล้ว แต่รสชาติของความรู้สึกวันนั้นยังจำได้ดีอยู่เท่าที่สมองเล็กๆ ของผมจะสามารถจดจำได้

ปีนี้อายุ 27 แล้ว ก่อนที่มาถึงวันนี้ 29 เมษายน วันเกิดเรา ก็เจอเรื่องร้ายๆ บ้าง ดีๆ บ้าง มาเยอะแยะพอสมควร ปีนี้ไม่มีพายให้กินแม้กระทั่งคนที่ทำให้เรา คนที่บอกเบิ๊ดเดย์ข้างๆ เรา ก็ไม่มีอีกต่อไปแล้ว มันไม่เหมือนเดิมแล้ว...ตอนนี้เราโตขึ้นอีกปีสิ่งที่เราทำได้ก็คือการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่คำอวยพรที่อยากได้ปีนี้ก็คงจะขอให้ตัวเองเอาความผิดพลาดจากปีที่แล้วที่เราทำให้คนที่รักที่สุดคนหนึ่งต้องเจ็บและเสียใจมาทำให้เป็นบทเรียนที่มีค่ามากๆ สำหรับตัวเราและขอให้คำจุดแก้ไขจุดตรงนั้นเพื่อสำหรับวันข้างหน้าต่อไป....ซึ่งไม่ใช่เผื่อคนเก่าหรือคนใหม่แต่เป็นเพื่อตัวผมเองทั้งนั้น

วันนี้ตอนนี้ตีสองครึ่งแล้ว ทั้งๆ ที่บทความของอันนี้ก็ไม่ได้เยอะอะไรมากมายแต่การที่กว่าจะพิมพ์ได้ กว่าจะเรียบเรียงได้มันนานกว่าทุกๆ นั้นจริงๆ 

วันเกิดปีนี้ขอให้มีความสุขตลอดปี มีปัญหาอะไรก็ขอให้ยังมีสติแก้ไขปัญหา ขอให้สิ่งที่เรากระทำทุกอย่างทั้งกาย วาจา ใจ ส่งผลกระทบต่อคนอื่นๆ ให้มีความสุขเหมือนกับเราด้วย

วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2555

ทดไว้ในบล๊อก (12)


- ครั้งสุดท้ายที่ทด คือปีที่แล้ว 12 เมษา
- ครบปีพอดี
- เลิกกับก้อยมา 6 เดือนแหละ
- ชีวิตไม่ได้เปลี่ยนจากเดิมสักเท่าไร
- ต่างก็แค่อยู่คนเดียว เดินคนเดียว กินคนเดียว นอนคนเดียว
.
.
.
.
.
.
.
.
- เลิกเวิ่นมาได้สักพัก 
- เหลือแต่เรื่องหงุดหงิดนี่แหละ
- คิดถึงมันเป็นบ้า
- ช่วงต้นปีทำเสื้อลายหงุดหงิดขาย
- ตกใจมีคนซื้อเยอะมากกว่าที่คิด 
- ช่วงนี้อ่านหนังสือน้อยลง ฟังเพลงเยอะขึ้น
- และที่สำคัญ อยู่บ้านเยอะขึ้น
- ช่วงนี้ทำตัวให้ดูเหมือนยุ่งๆ เข้าไว้....แค่"ดูเหมือน"น่ะ
- สิ้นเดือนนี้ก็วัเกิดตัวเองแหละ
- 27 แล้วหรอว่ะ โคตรแก่เลย
- เหมือนเดิมก็พาที่บ้านไปกินข้าวปกติ
- ได้รถมาแล้ส ในที่สุดก็มี.."จน"ได้
- รู้สึกแปลกๆ ที่บ้านเราก็ไม่ได้รวยอะไร แต่มีรถสามคัน --"
- ลองดูมีกำลังก็ผ่อนไป 
- เรื่องงานเรื่อยๆ เฉื่อยๆ เหมือนเดิม
- ไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่ทำเม่งเราทำเผื่ออะไร ไม่มีเป้าหมายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
- ตั้งแต่เป็นแบบนี้ อยู่กับตัวเองเยอะมาก คิดอะไรในใจตลอด
- ช่วงนี้ได้เจอเพื่อนใหม่มากขึ้น ทั้งรุ่นเดยวกัน รุ่นน้องไปจนถึงรุ่นพี่
- หายเหงา ก็ดีไปอีกแบบ แถมยังได้คุยเรื่องใหม่ๆ ในเรื่องที่เราไม่คุ้นเคย
- ตอนต้นปีก็ไปลาวมา ไปสามเมืองเวียงจันทร์ หลวงพระบาง วังเวียง
- ไปกับพวกอัน พวกอุ้ย 9 คนแน่ะ คนเยอะดีก็สนุกดีๆ ดูวุ่นๆ ได้อีก
- ไปนอยที่เวียงจันทร์ซะส่วนใหญ่ (นอยทั้งทริปแหละ เอาเข้าจริง)
- กลับมาตั้งใจจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับทริปครั้งนี้.....
- เขียนน่ะ แต่เขียนไปจบ ไม่ไหวจริงๆ ยิ่งเขียน ยิ่งคิดถึง ยิ่งคิด ยิ่งร้องไห้ 
- เลยหยุดเขียนไปดื้อๆ เลย โดยที่ยังเขียนไปถึงหลวงพระบางด้วยซ้ำ อยู่ค้างที่เวียงจันทร์
- พูดแล้วคิดถึงเพลงคุณเจี๊ยบ "ข้ามฟ้ามาร้องไห้"
- พาตัวเองมาตั้งไกล....มาเผื่อจะร้องไห้ปล่อยน้ำตาให้ไปตามทาง
- เริ่มเยอะแหละ 55555555
- บ่นแค่นี้แหละ ยาวไปก็ไม่ได้เรียดว่า"ทด"แล้วแหละ

วันจันทร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2555

เทศกาลหนัง (song)kran festival # 2

หลังจากที่ชื่อบทความนี้ได้เคยมีมาแล้วในครั้งแรกเมื่อปี 2553 (2010)
ดูของเก่าได้จาก http://byrdberger.blogspot.com/2010/04/songkran-festival.html

และในโอกาสที่ปีนี้ เกิดเหตุการ์ณบางสิ่งที่ทำให้ไม่อยากจะออกไปเจอผู้คนและไปเล่นสงกรานต์ได้ และเหตุผลหลักใหญ่ๆ ก็คือซื้อทีวีมาใหม่ ซึ่งใหญ่กว่าของเก่าที่ดูอยู่มากๆ เลยทำให้เกิดความรู้สึกเบอร์ห้า...บ้าเห่อมากๆ จึงอดไม่ได้ที่อยากให้ช่วงหยุดยาวแบบนี้เป็นช่วงที่เพลิดเพลินไปกับ TV สุดเลิพ............ถึงเวลาอันสมควรแล้ว ไปดูกันว่าปีนี้ไปเอาเรื่องไรมาดูบ้าง....

มาปีนี้ 2555 (2012) แอบกิ๋บเก๋เพิ่ม logo เข้าไปด้วย
เลียนแบบ เทศหนังชื่อหนัง "Cannes Film Festival"

The Dark Knight
- เรื่องนี้กับจำนวนครั้งในการดูประมาณครั้งที่ ร้อยแปดสิบเก้า ครั้งได้ :P
แถมยังได้อยู่ในอันดับต้นๆ ของหนังในดวงใจไปที่เรียบร้อย
จึงเป็นเหตุผลที่ส่วนตัวของผมอยากเห็นตัวร้ายที่โคตรเท่อย่าง joker อีกครั้งในภาพที่ใหญ่ๆ

one piece : strong world
- การ์ตูนในดวงใจและสุดฮิตอีกเรื่องของผม ซึ่งช่วงที่เข้าฉายก็ยังได้ไปดูที่ "ลิโด"
ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกๆ ที่ลองเปิดดูเพราะพี่ชายบอกว่าจะได้ดูเปรียบเทียบสีของหน้าจอไปด้วย
(นอกเรื่องนิดนึงคือ ตัวละครที่ชอบของผมคือ"อุซบ")

ปัญญา เรณู
- เรื่องนี้ไม่ได้ดูในโรง เพราะไม่มั่นใจว่าคุ้มกับค่าตั๋วที่สมัยนี้มันโคตรจะแพงหรือไม่
แต่เห็นกระแสตอบรับนี้มากมาย(จนเกิดภาค 2) จึงอาศัยที่หยุดยาวๆ แบบนี้รอหามาดู
ปรากฎว่า หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ได้ดูตอนดึกๆ มากๆ (เพราะก่อนหน้านี้ได้ดูอีกเรื่อง)
จึงทำให้เกิดหลับไปช่วงๆ แรกๆ เป็นพักๆ ทำให้ทนไม่ไหวจึงปิดเข้าไปนอนซะก่อน
แต่ความรู้สึกจากใจเลยไม่ว่ากระแสดีขนาดไหน...ให้ตายซิ
เรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรดึงดูดในตัวผมเอง"ต้อง"ให้ได้เลยน่ะ.....จบน่ะ

50/50
- เรื่องนี้หลังจากดูจบ..คำถามแรกคือ "ทำไมพลาด ไม่ยอมดูในโรง"
ส่วนตัวชอบพระเอก "โจเซฟ กอร์ดอน เลวิตต์" รู้จักไอ้หมอนี่จาก
เรื่อง 500 days of summer หนังในดวงใจอีกเรื่องของผม
หนังเรื่องนี้ทั้งเรื่องนั้น โคตรดราม่ามากๆ แต่ในบางฉากจะทำให้เรายิ้มๆ
สอดแทรกเสมอจนบางทีเรายังรู้สึกว่า ถ้ามันเกิดเรื่องกับเรา..เราจะยิ้มหรือจะสู้ได้อย่างนี้บ้างไหม
"เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ชอบมากที่สุดในช่วงสงกานต์นี้เลย"

The King's Speech
- เรื่องนี้ความรู้สึกส่วนตัวนี่ดูแล้วรู้สึกมันตลกมากกว่าดราม่าด้วยซ้ำ แต่ก็มีบ้างที่เบื่อๆ
แต่ส่วนตัว(อีกนั่นแหละ)ที่รู้สึกว่าหนังเป็นเรื่องของกษัตริย์ แต่มันรู้สึกติดดินมากๆ
เป็นหนังที่ถ้าเราเล่าให้ใครฟังแล้วมันไม่สนุกหรอก ต้องไปดูเอง ^____^

Iron Man
- เรื่องนี้ไม่ได้ตั้งใจดูเป็นเรื่องที่ฉายทางช่อง 7 พอดี เลยเอามารวมในบล๊อกด้วย
ส่วนตัวฮีโร่คนนี้ผมดูแล้วภาคแรกเฉยๆ (ถาคสองก็เฉยๆ) ดูเพลินๆ
บิ๊วรอดู The Avengers มากกว่า

IN TIME
- หลังจากดูเรื่องนี้แล้วคำถามคือ "กูอยู่โซนไหนของหนังเรื่องนี้" คำตอบคือ โซนเดียวกันกับพระเอก
เพราะพระเอกอยู่แบบวันต่อวัน ส่วนผมนั้นเงินเดือน...เดือนชนเดือน (ฮา)

Angels & Demons
- เรื่องนี้ก็สนุกดี ชอบตอนไขรหัสสัญลักษณ์
และเพิ่งค้นพบไม่นานมานี้ เพราะหลังดูเรื่องนี้จบได้อยู่สิ่งที่ DVD แถมมาให้
เรื่องการคิดค้นคำและดีไซส์ TYPO คำในเนื้อเรื่องของหนังขึ้นมา
เป็นการดีไซส์คำต่างๆ ในเรื่องที่คิดว่าคนที่ชอบพวกงาน TYPO แนะนำอยากให้ดู
(จริงๆ คนอื่นอาจจะดูแล้ว แต่ผมเพิ่งจะกดเข้าไปดูเอง)

The Davinci Code
- เหมือนกับเรื่อง Angels & Demons ชอบตอนไขรหัสนั่นแหละ
และที่สำคัญ ชอบนางเอกคนนี้มาก "Audrey Tautou" จากเรื่อง "Amelie"
สคส. สวีทตี้
- เรื่องนี้ดูแบบไม่คิดอะไร ดูกับแม่กะให้แม่ฮาไปเพลินๆ
แต่ผลที่ได้รับคือ "แม่หัวเราะชอบใจ" แต่ผมกลับน้ำตาซึม ไม่ใช่เพราะหนังมันเศร้า
แต่มันมีคำพูดคำหนังจากตัวละครคนหนึ่งที่ผมก็เคยพูดคำนี้กับแฟนก่อนที่ตอนนี้มันได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว
จึงทำให้.....นอยไปทั้งคืน

ฝนตกขึ้นฟ้า
- เรื่องนี้ใครจะว่าไงไม่รู้ แต่ความชอบส่วนตัวมากๆ คือชอบมากๆ
เป็นอีกเรื่องของ"เป็นเอก"ที่ดูแล้วเข้าใจง่ายกว่าหนังปกคิทั่วไปของผู้กับกำคนนี้
ดังนั้นทั้งๆ ที่ไปดูในโรงแล้ว..พอ DVD ออกก็ยังอยากที่จะดูอีก
รวมทั้งเพลงประกอบหนัง "ส่วนที่หายไป" ที่ เจตมนต์ มละโยธาทำขึ้นมาใหม่
โดยได้ cover จากต้นฉบับของ อารักษ์ อาภากาศ
ที่รู้สึกได้อารมณ์ของเพลงจากค่าย smallroom ช่วงแรกๆ ก่อนที่จะบูมถึงทุกวันนี้

Pirates of the Caribbean 4 On Stranger Tides
- ไม่คิดอะไรมากกับเรื่องนี้ เพราะภาคแรก สนุกสุด ดีสุดแหละ
แต่ส่วนตัวอยากดูกับตันแจ็คแบบเต็มๆ และซ็อตที่เปิดตัวของนางเงือก....โคตรสวย :P


หลังจากดูจนจบก็มานั่งดูเรื่องที่ๆ เราดู..ว่าแนวหนังปีนี้ที่ดูรู้สึกมันตลาดกว่าครั้งก่อนนั้นมากๆ แถมดูเยอะกว่าครั้งที่แล้วด้วย ไม่ต้อสืบเลยว่าเพราะอะไร เพราะไม่ได้ไปไหนและเพราะอยู่คนเดียวไม่เหมือนกับทุกๆ ปีที่ผ่านมา.......(ดราม่าเอาไปมึงไอ้เบิ๊ด)

วันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2555

This is a book!!!!!

งานสัปดาห์หนังสือปีนี้ มีใครเจอเล่มนี้บ้าง :P