วันจันทร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2555

เทศกาลหนัง (song)kran festival # 2

หลังจากที่ชื่อบทความนี้ได้เคยมีมาแล้วในครั้งแรกเมื่อปี 2553 (2010)
ดูของเก่าได้จาก http://byrdberger.blogspot.com/2010/04/songkran-festival.html

และในโอกาสที่ปีนี้ เกิดเหตุการ์ณบางสิ่งที่ทำให้ไม่อยากจะออกไปเจอผู้คนและไปเล่นสงกรานต์ได้ และเหตุผลหลักใหญ่ๆ ก็คือซื้อทีวีมาใหม่ ซึ่งใหญ่กว่าของเก่าที่ดูอยู่มากๆ เลยทำให้เกิดความรู้สึกเบอร์ห้า...บ้าเห่อมากๆ จึงอดไม่ได้ที่อยากให้ช่วงหยุดยาวแบบนี้เป็นช่วงที่เพลิดเพลินไปกับ TV สุดเลิพ............ถึงเวลาอันสมควรแล้ว ไปดูกันว่าปีนี้ไปเอาเรื่องไรมาดูบ้าง....

มาปีนี้ 2555 (2012) แอบกิ๋บเก๋เพิ่ม logo เข้าไปด้วย
เลียนแบบ เทศหนังชื่อหนัง "Cannes Film Festival"

The Dark Knight
- เรื่องนี้กับจำนวนครั้งในการดูประมาณครั้งที่ ร้อยแปดสิบเก้า ครั้งได้ :P
แถมยังได้อยู่ในอันดับต้นๆ ของหนังในดวงใจไปที่เรียบร้อย
จึงเป็นเหตุผลที่ส่วนตัวของผมอยากเห็นตัวร้ายที่โคตรเท่อย่าง joker อีกครั้งในภาพที่ใหญ่ๆ

one piece : strong world
- การ์ตูนในดวงใจและสุดฮิตอีกเรื่องของผม ซึ่งช่วงที่เข้าฉายก็ยังได้ไปดูที่ "ลิโด"
ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกๆ ที่ลองเปิดดูเพราะพี่ชายบอกว่าจะได้ดูเปรียบเทียบสีของหน้าจอไปด้วย
(นอกเรื่องนิดนึงคือ ตัวละครที่ชอบของผมคือ"อุซบ")

ปัญญา เรณู
- เรื่องนี้ไม่ได้ดูในโรง เพราะไม่มั่นใจว่าคุ้มกับค่าตั๋วที่สมัยนี้มันโคตรจะแพงหรือไม่
แต่เห็นกระแสตอบรับนี้มากมาย(จนเกิดภาค 2) จึงอาศัยที่หยุดยาวๆ แบบนี้รอหามาดู
ปรากฎว่า หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ได้ดูตอนดึกๆ มากๆ (เพราะก่อนหน้านี้ได้ดูอีกเรื่อง)
จึงทำให้เกิดหลับไปช่วงๆ แรกๆ เป็นพักๆ ทำให้ทนไม่ไหวจึงปิดเข้าไปนอนซะก่อน
แต่ความรู้สึกจากใจเลยไม่ว่ากระแสดีขนาดไหน...ให้ตายซิ
เรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรดึงดูดในตัวผมเอง"ต้อง"ให้ได้เลยน่ะ.....จบน่ะ

50/50
- เรื่องนี้หลังจากดูจบ..คำถามแรกคือ "ทำไมพลาด ไม่ยอมดูในโรง"
ส่วนตัวชอบพระเอก "โจเซฟ กอร์ดอน เลวิตต์" รู้จักไอ้หมอนี่จาก
เรื่อง 500 days of summer หนังในดวงใจอีกเรื่องของผม
หนังเรื่องนี้ทั้งเรื่องนั้น โคตรดราม่ามากๆ แต่ในบางฉากจะทำให้เรายิ้มๆ
สอดแทรกเสมอจนบางทีเรายังรู้สึกว่า ถ้ามันเกิดเรื่องกับเรา..เราจะยิ้มหรือจะสู้ได้อย่างนี้บ้างไหม
"เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ชอบมากที่สุดในช่วงสงกานต์นี้เลย"

The King's Speech
- เรื่องนี้ความรู้สึกส่วนตัวนี่ดูแล้วรู้สึกมันตลกมากกว่าดราม่าด้วยซ้ำ แต่ก็มีบ้างที่เบื่อๆ
แต่ส่วนตัว(อีกนั่นแหละ)ที่รู้สึกว่าหนังเป็นเรื่องของกษัตริย์ แต่มันรู้สึกติดดินมากๆ
เป็นหนังที่ถ้าเราเล่าให้ใครฟังแล้วมันไม่สนุกหรอก ต้องไปดูเอง ^____^

Iron Man
- เรื่องนี้ไม่ได้ตั้งใจดูเป็นเรื่องที่ฉายทางช่อง 7 พอดี เลยเอามารวมในบล๊อกด้วย
ส่วนตัวฮีโร่คนนี้ผมดูแล้วภาคแรกเฉยๆ (ถาคสองก็เฉยๆ) ดูเพลินๆ
บิ๊วรอดู The Avengers มากกว่า

IN TIME
- หลังจากดูเรื่องนี้แล้วคำถามคือ "กูอยู่โซนไหนของหนังเรื่องนี้" คำตอบคือ โซนเดียวกันกับพระเอก
เพราะพระเอกอยู่แบบวันต่อวัน ส่วนผมนั้นเงินเดือน...เดือนชนเดือน (ฮา)

Angels & Demons
- เรื่องนี้ก็สนุกดี ชอบตอนไขรหัสสัญลักษณ์
และเพิ่งค้นพบไม่นานมานี้ เพราะหลังดูเรื่องนี้จบได้อยู่สิ่งที่ DVD แถมมาให้
เรื่องการคิดค้นคำและดีไซส์ TYPO คำในเนื้อเรื่องของหนังขึ้นมา
เป็นการดีไซส์คำต่างๆ ในเรื่องที่คิดว่าคนที่ชอบพวกงาน TYPO แนะนำอยากให้ดู
(จริงๆ คนอื่นอาจจะดูแล้ว แต่ผมเพิ่งจะกดเข้าไปดูเอง)

The Davinci Code
- เหมือนกับเรื่อง Angels & Demons ชอบตอนไขรหัสนั่นแหละ
และที่สำคัญ ชอบนางเอกคนนี้มาก "Audrey Tautou" จากเรื่อง "Amelie"
สคส. สวีทตี้
- เรื่องนี้ดูแบบไม่คิดอะไร ดูกับแม่กะให้แม่ฮาไปเพลินๆ
แต่ผลที่ได้รับคือ "แม่หัวเราะชอบใจ" แต่ผมกลับน้ำตาซึม ไม่ใช่เพราะหนังมันเศร้า
แต่มันมีคำพูดคำหนังจากตัวละครคนหนึ่งที่ผมก็เคยพูดคำนี้กับแฟนก่อนที่ตอนนี้มันได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว
จึงทำให้.....นอยไปทั้งคืน

ฝนตกขึ้นฟ้า
- เรื่องนี้ใครจะว่าไงไม่รู้ แต่ความชอบส่วนตัวมากๆ คือชอบมากๆ
เป็นอีกเรื่องของ"เป็นเอก"ที่ดูแล้วเข้าใจง่ายกว่าหนังปกคิทั่วไปของผู้กับกำคนนี้
ดังนั้นทั้งๆ ที่ไปดูในโรงแล้ว..พอ DVD ออกก็ยังอยากที่จะดูอีก
รวมทั้งเพลงประกอบหนัง "ส่วนที่หายไป" ที่ เจตมนต์ มละโยธาทำขึ้นมาใหม่
โดยได้ cover จากต้นฉบับของ อารักษ์ อาภากาศ
ที่รู้สึกได้อารมณ์ของเพลงจากค่าย smallroom ช่วงแรกๆ ก่อนที่จะบูมถึงทุกวันนี้

Pirates of the Caribbean 4 On Stranger Tides
- ไม่คิดอะไรมากกับเรื่องนี้ เพราะภาคแรก สนุกสุด ดีสุดแหละ
แต่ส่วนตัวอยากดูกับตันแจ็คแบบเต็มๆ และซ็อตที่เปิดตัวของนางเงือก....โคตรสวย :P


หลังจากดูจนจบก็มานั่งดูเรื่องที่ๆ เราดู..ว่าแนวหนังปีนี้ที่ดูรู้สึกมันตลาดกว่าครั้งก่อนนั้นมากๆ แถมดูเยอะกว่าครั้งที่แล้วด้วย ไม่ต้อสืบเลยว่าเพราะอะไร เพราะไม่ได้ไปไหนและเพราะอยู่คนเดียวไม่เหมือนกับทุกๆ ปีที่ผ่านมา.......(ดราม่าเอาไปมึงไอ้เบิ๊ด)

ไม่มีความคิดเห็น: