วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

"Laos is more" 4

ตะลอนลาว

ภาคสาม ตอน "Laos is more" 4

"หนึ่งวันกับจัมโบ้"


เดินลงจากรถก็เดินไปที่โรงแรม ด้านขวามือเป็นวงเวียนน้ำพุที่บอกไปว่าปิดปรับปรุง ส่วนด้านซ้ายก็ชี้ให้เพื่อนๆ ดูว่าคืนนี้วัน countdown จะอยู่ที่ร้านนี้ "ร้านขอบใจเด้อ" บรรยากาศรอบๆ เหมือนเดิมหมดมีเพิ่มเติมก็คือหน้าโรงแรมฝั่งตรงข้ามมี ร้านมินิมาร์ท ชื่อว่า "เอ็ม พอยมาร์ก" ที่นั่นมีร้านนี้เยอะ เหมือน 7/11 บ้านเรา แต่ปิดตีสองทุกสาขา...แถมในโรงแรมฝั่งร้านอาหารก็เปลี่ยนโซนขายพวกเพชรพลอยเครื่องประดับไฮโซไปซะแหละ มาเก็บของ อยู่เก้าคนก็สามห้องพอดีห้องล่ะสาม ชั้นที่พักคือชั้นสองริมระเบียงข้างนอกเหมือนกับครั้งที่ไปกับก้อย แต่ครั้งนั้นอยู่ชั้นสาม....ส่วนผมก็ไปนอนเป็นก้างขวางคอเพื่อนซะ (หึหึหึหึหึหึหึ) ก็พอเก็บของ..ล้างหน้าแปรงฟันกันซะพัก ประมาณสิบโมงกว่าๆ ก็ออกมาเจอกันที่ล๊อปบี้โรงแรม พอออกมาก็ตัดสินใจเช่ามอ'ไซค์กัน แต่ร้านที่เช่าเป็นประจำทั้งครั้งแรกครั้งสอง มันหมดไม่มีรถให้เช่าเลยก็คิดกันว่าหาไรกินกันก่อนแล้วหาร้านเช่าอีกที ก็เดินๆๆๆ ไปทางที่จะไปตลาดเช้าก็ชี้ให้เพื่อนดูร้านอาหารตามสั่งแถวพระธาตุดำ.."เฮ้ยกินร้านนี้ไหมอร่อยน่ะ สนป่ะกูเคยกินแล้วใช่ได้เลยๆ " ก็จังหวะที่เดินข้ามถนนจะไปร้านก็ได้เจอรถจัมโบ้(รถสามล้อบ้านเรานี่แหละ แต่ใหญ่กว่าเยอะ) ก็เลยคุยกันว่าเหมาดีกว่า เพื่อนบางคนก็แว้นไม่เป็น (ใครจะเหมือนมึงไอ้เบิ๊ด ไปไหนก็จะร้องขี่มอ'ไซค์) เพราะจุคนได้เยอะทีเดียวเลย เหมาไปตามที่ต่างๆ ที่พี่เค้าจัดให้ก็น่ะ 1,200 บาท (ก็ 300,000 กีบ พอดีเป๊ะๆ) เลยตัดสินไปนั่งรถจัมโบ้ไปแทนและให้พี่เค้าพาไปร้านอาหารตรงอื่น ก็ไปกินเกือบๆ ถึงริมโขงมื้อแรกที่นี่ไม่ประทับใจเท่าไร แถมแพงอีกต่างหาก (อย่าเชื่อพี่จัมโบ้มาก แนะนำว่าที่เวียงจันทร์ร้านอาหารที่นี่ เราสุ่มเองได้เลย ไม่ต่างกันมาก) กินกันเสร็จก็ไปแลกตังค์ตรงริมโขง (ขอเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง เนี่องจากไปกัน 9 คน ผู้ชาย 5 คน ผู้หญิง 4 คน ตอนไปแลกเงินมีอยุ่สามช่องทางการแลกเงิน ผู้ชายทุกคน 5 คน ไปต่อที่ช่อง 2 กันหมด เพราะคนรับแลกสวยมากกกกกกกก โดยที่ช่องอื่นๆ เป็นผู้ชายหมด จึงถือได้ว่านี่คือปรากฎการ์ณธรรมชาติจริงๆ แล้วประเด็นคือไม่มีใครบอกกล่าวเลยน่ะ เดินไปต่อเองแบบไม่ได้นัดหมาย 5555 ) ที่ๆ แรก ที่จะไปคือ สวนวัดพระธาตุเชียงคอม(ไม่แน่ใจว่าเขียนถูกไหม) Xiengkuane Buddha Park ซึ่งไกลมากเส้นทางก็จากไปเวียงจันทร์ออกไปทางสะพานมิตรภาพลาว-ไทย เลยด่านตรวจเข้าเมืองไปอีก พอไปถึงเป็นเป็นลักษณะสวนและมีรูปปั้นต่างๆ เช่นเทวดา พระพุทธรูปคล้ายๆ กัยวัดโบราณกรุงเก่าของบ้านเราแต่ไม่ใหญ่เท่าจะมีอันหนึ่งที่เป็นจุดขายเลยก็คือเหมือนโดม(คล้ายเจดีย์) ใหญ่ขนาดคนเข้าไปได้ความสูงก็ประมาณบ้านสองชั้นได้ เป็นรูปดิบๆ เก่าๆ เลย ค่าเข้าก็ 5,000 กีบ (20 บาท) ถ้ามีกล้องก็เสียเพิ่มอีก 20 บาท เวลาที่อยู่ที่สวนนี่ก็ประมาณเกือบชั่วโมงครึ่ง ดูวัดดูรูปปั้นประมาณครึ่งชั่วโมง แต่นั่งกินเบียร์ริมโขงร้านในสวนประมาณชั่วโมง (ฮา)


ระหว่างทางไป "Xiengkuane Buddha Park"
(ถนนแย่ใช้ได้เลย)

บรรยากาศใน Xiengkuane Buddha Park

พอเสร็จอะไรเรียบร้อยก็นั่งรถจัมโบ้ออกไปที่อื่นต่อ ซึ่งที่ต่อไปก็คือนี่เลยสัญลักษณ์ของเวียงจันทร์..."พระธาตุหลวง"นั้นเอง มากี่ทีๆ ก็ชอบน่ะที่นี่ เป็นลานโล่งๆ ที่แบบว่าจะไปช่วงไหนก็แล้วที่เป็นกลางวัน บอกได้คำเดียวว่า แดดร้อนมวาก แต่ยังไงๆ ที่นี่ก็ต้องมาตอนมีแดดน่ะ ยิ่งฟ้าเปิด จะดีมากๆ เพราะแดดแรงๆ แบบนี้ เวลาสะท้อนกับพระธาตุหลวงจะสวยมากๆ มาถึงทางเข้าก็เสียค่าเข้าอีกเหมือนเดิม 5.000 กีบ พอมาถึงก็ไม่ได้เลยดูอะไรเท่าไร ปล่อยให้เพื่อนๆ ถ่ายรูปทัศนากันไป ส่วนตัวผมมานั่งอยู่มุมๆ หนึ่ง ซึ่งเป็นมุมที่ฮิตสุดแล้วสำหรับถ่ายรูปคล้ายๆ พระธาตุดอยสุเทพ จะมีมุมอยู่มุมเดียวที่นิยมชมชอบถ่ายรูปกัน นั่งชิวเหมือนเป็นเด็กเก็บตั๋วแถวนั้นเพราะนั่งถอดรองเท้า เดินเหยียบหญ้าดูติดดินมากๆ นั่งเขียนบันทึกอยู่นานพอสมควรมีรุ่นพี่คนหนึ่งมาทักว่าไปซื้อของที่ระลึก(โปรดคิดถาพตาม) จะเป็นลักษณะของโชว์ที่มีสถานที่จำลอง อยู่ในโดมแก้วมีน้ำเวลาที่เราเขย่าจะมีกระดาษสะท้อนแสงลักษณะให้ดูเหมือนมีหิมะลอยอยู่ในโดม (นึกไม่ออกว่าเรียกว่าอะไร) ซึ่งเค้าเล่าให้ฟังว่าเพื่อนเค้าสะสมของแบบนี้ เพราะจะมีทั่วโลกเลยตามสถานที่ต่างๆ (เออ เพิ่งรู้เหะ เจ๋งว่ะ) คล้ายๆ กับพี่ชายผมที่จะสะสมบุหรี่จากทั่วโลก (ฮา) อันนี้ออกแนวติดลบไปหน่อยน่ะ ก็เลยอืมน่าสนใจดี เพราะมันเป็นสัญลักษณ์เลยตั้งไปซื้อแบบไม่ต่อราคาเลยมาหนึ่งอัน เผื่อกะเป็นของขวัญวันปีใหม่ให้ก้อยด้วย เพราะรู้สึกว่าเวียงจันทร์เป็นเมืองของเราทั้งคู่จริงๆ


นั่งเขียนอยู่สักพักเพื่อนก็ตามให้เลิกทำตัวติสแตกได้แล้ว แล้วกลับไปขึ้นรถเพื่อจะไปต่อ ระหว่างทางที่จะขึ้นรถ เพื่อนๆ ก็นำหน้ากันไปหมด เหลือบไปเห็นข้างๆ ทางเข้าพระธาตุฯ มีร้านขายเฝ่อ หรือกระเปี๊ยบนี่แหละ เลยดิ่งไปซื้อเลย ก็ได้มาชาม ชามล่ะ 20 บาท เดินไปซดไปอร่อยเหาะ ไปถึงเพื่อนๆ ก็ขอแจมกันบ้าง บางคนเสียดายอยากกินมากๆ แต่ร้านอยู่ไกลจากรถพอสมควรเลย กะไปหวังเอาข้างหน้า ที่ๆ ต่อไป และเป็นที่ๆ สุดท้ายของการเหมาครั้งนี้ก็คือประตูไชย (เวลาหมดไปกับการนั่งรถจริงๆ ) ประตูไชย....เป็นอะไรที่ใหญ่โตมากๆ มาทุกครั้งก็รุ้สึกแบบนี้ทุกครั้ง ครั้งนี้แน่นอน...แนะนำให้เพื่อนขึ้นไปข้างบนไปดูวิวจากข้างบน แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้ผมได้บอกไปว่าข้างบนไม่มีวิวอะไรเลยน่ะ ก็เล่าไปว่า "หนังสือไกด์ลาว มีคนเขียนไว้ว่า วิวจากประตูไชยเป็นวิวที่ไม่มีอะไรให้ถ่ายรูปเลย" เลยมีไม่กี่คนนั่งรอเป็นเพื่อนผม...ระหว่างรอก็นั่งเขียนบันทึก นึกถึงนู่นนั่นนี้ไปเรื่อย บอกตรงๆ ช่วงเวลานั้น โคตรคิดถึงก้อยเลย อดไม่ได้ที่จะมีน้ำตาซึมๆ ออกมา เวลามีเพื่อนมาทักก็ฟอร์มทำเป็นหาวไม่ให้ดูรู้ว่าน้ำตาเกิดมาจากอะไร....หลังจากนั้นก็จะไปวัดที่เคยมีพระแก้วมรกตเคยตั้งประดิษฐานอยู่ที่นั่น แต่เย็นแล้วเลยปิดจึงไปวัดแถบๆ นั้นแทน(จำชื่อไม่ได้ขออภัย) ช่วงเวลาที่อยู่วัดเพื่อนเหลือบไปเห็นรถเข็นขายกระเปี๊ยบเลยวิ่งจะตามไปซื้อแต่ก็อดเพราะขายหมดแล้ว...


พระธาตุหลวงย้อนแสง

ประตูไชยกับวิวที่ไม่มีอะไรเลย

ทริปนี้ไม่ได้ไปตลาดเช้าเลยเพราะกว่าจะเสร็จจากประตูไชยก็ค่ำแหละ นี่เป็นครั้งแรกมาเที่ยวลาวแล้วเขาวัดเยอะขนาดนี้ปกติมากับก้อยจะตลอนเที่ยวดูบ้านดูร้านไปเรื่อยไม่ได้สนใจท่าไรนัก สนใจแต่วิถีชีวิตมากกว่า หลังจากออกจากประตูไชยก็ดิ่งไปท่ารถเลย เพราะจะต้องไปซื้อตั๋วไปหลวงพระบางซึ่งกะว่าจะออกกันพรุ่งนี้เช้า..แล้วท่ารถที่เราจะไปก็ไม่ใช่ท่ารถตรงหลังตลาดเช้าอย่าที่เข้าใจเพราะท่ารถตลาดเช้าก็ท่าของสายใต้ แต่ที่เราจะไปเป็นสายเหนือซึ่งไกลจากตัวเมืองพอสมควรระยะทางพอๆ กับตอนไปวัดที่แรกเลย ไปถึงก็บรรยากาศเงียบมาก ดูคิวรถก็มี 8 โมง กับ 9 โมง เนื่องจากเดินทางไปหลวงพระบางใช้เวลา 12 ชั่วโมงกว่าจะถึง ก็เลยเลิกรถที่ออก 8 โมง เพราะไปถึง 6 โมงเย็นจะได้ไม่มึดมากน่ะ หลังจากตัดสินใจเสร็จก็ซื้อตั๋ว (VIP) คนล่ะ 130,000 กีบ ประมาณ 500 กว่าบาท จากการซื้ออันนี้แนะนำว่าให้ใช้เงินกีบเท่านั้น เพราะท่าเป็นเงินบาทเค้าจะคิดราคา 600 แบบปัดขึ้น เลย แนะนำว่าต้องแลกอย่าใช้เงินบาทไม่งั้นไม่คุ้ม...9 คน x 130,000 ก็เท่ากับ 1,170,000 กีบ โอ้วแม่จ้าววว ไม่เคยถือเงินล้าน ตอนไปซื้อตั๋วพี่หนักงานก็ถึงกับต้องเรียกหนักงานคนอื่นมาช่วยกันเลย(ฮา) ซื้อเสร็จก็กลับไปกินข้าวที่ร้านตรงพระธาตุดำ ร้านที่ตอนแรกว่าจะไปกินแต่ก็นั่งรถจัมโบ้ซะก่อน..(มาร้านนี้ก็คิดถึงก้อย Y_Y) กินกันเสร็จสรรพก็กลับโรงแรมไปอาบน้ำอาบท่าเตรียมไป countdown ต่อ แต่ประเด็นหลักๆ ของหนุ่มชายฉกรรจ์ทั้ง 5 มันไม่ได้อยู่ที่ร้านcountdown น่ะซิ ใจมันไปอยู่ตรงอื่นกันแว้ววววววววววววววววว


จบร้านข้าวแถวพระธาตุดำ


ขอบคุณ Aunchalee Sumakul สำหรับรุป
all copy right reserve

1 ความคิดเห็น:

punk monnie กล่าวว่า...

มิงใส่ย่อหน้าซะหน่อยก็ดีนะ