วันอังคารที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
เรื่องของ "มะพร้าว" และ "ถั่วแดง"
วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
ตักสุราหัวแตก..@ RCA
25th Anniversary of the Back To The Future
....ก่อนดู เรื่องนี้ฉายเมื่อปี 1985 (ปีเดียวกับที่ผมเกิด) คิดไว้เลย คงเชยแหลกแถมพวกเอฟเฟ้กคงไม่ดีแน่ๆ
....หลังจากที่ดูเสร็จ เ-็ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด แม่เจ้า ทำไมมันสนุกงี้ว่ะ ไม่มีอะไรให้ติเลยในความรู้สึกผมน่ะ สนุก ลุ้นตลอดทั้งเรื่อง
รูปนี้โปสเตอร์ถาค 1
เรื่องนี้จากภาคแรกที่เข้าฉายก็ผ่านมา 25 แล้ว ปีนี้เอง (2010) ก็มีจัดงานครบรอบ 25 ปีด้วย อายุเท่าผมพอดี 555+ ดูช้าไป 25 ปี สำหรับเรื่องเรื่องนี้ผมคิดว่าไม่ช้าไปเลยน่ะ :P
วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2553
ต่อยอด..ความสุข
หลายวันก่อนหน้านี้ ผมลองโชว์ป๋า………ป๋ายังไงน่ะหรอฮะ มันมีที่มาที่ไปครับ
เรื่องมีอยู่ว่า ปกติทุกวันในการเดินทางมาทำงานผมจะซื้อบัตรรถไฟฟ้าใต้ดินเป็นรายเดือนอยู่ แล้ว
เมื่อถึงวันสุดท้ายขอวัน(วันสุดท้ายของบัตร) หลังออกมาจากตรงที่สแกนบัตร โดยปกติแล้วเมื่อใช้เสร็จผมก็จะทิ้งทันที เพราะผมก็ไม่ได้ใช้มันอีกแล้ว แต่วันนั้นมันต่างออกไป ผมเดินไปหาคนที่กำลังต่อแถวซื้อบัตรโดยสารแทนที่จะเดินขึ้นออกจากสถานีไปปกติ
คนที่ผมเจอนั้นเป็นอีป้าแก่ๆ กำลังต่อคิวอยู่คิวสุดท้าย ผมพูดแบบนี้ครับ
“เออ โทษน่ะฮะ พอดีบัตรนี้ใช้ได้ถึงวันนี้เที่ยงคืน แล้วผมก็ไม่ได้ใช้แล้วฮะ เนี่ยกำลังจะกลับบ้านแล้ว คุณเอาไปใช้ได้น่ะครับ” ที่ผมเรียกเขาเป็นอีป้าแก่ๆ เพราะเค้าไม่เชื่อผมคิดว่าผมจะมาหลอกหลวงเค้า(หน้าผมมันขนาดนั้นเลยหรอ) ป้าเค้าก็ปฎิเสธไป พอดีอีกคนที่ต่อคิวอยู่ข้างหน้า หันมาเหมือนได้ยินก็เกิดอาการสนใจ เค้าเลยถามผมว่า “ใช้ได้จริงหรอ” “จริงซิฮะ จะอำทำไม เนี่ยผมไม่ใช้แล้วจริงๆ “ เค้าเลยรับบัตรที่ผมยื่นให้ โดยที่เค้าบอกขอบคุณแล้วยิ้มให้หนึ่ง เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจผมก็เดินออกมาอย่างเท่ๆ ที่มาเล่ามาพิมพ์เนี่ยไม่ได้คิดว่าจะมาโชว์เพาว์ โชว์เท่ บอกว่าตัวเองดีอะไรหรอก แต่ที่ทำให้อยากมาเขียนเพราะว่ามันคงรู้สึกแปลก ถ้าผมได้รับบัตรแบบนี้กับใครบ้าง อย่างน้อยๆ ตลอดในการเดินทางในรถไฟฟ้าใต้ดินอ่ะผมคงยิ้มแล้วก็นึกถึงคนที่ให้บัตรเรา แล้วผมเชื่อน่ะ ถ้ามีคนมาทำดีๆ แบบนี้ รับรอง เราซึ่งเป็นคนที่ได้รับการกระทำ จะต้องออกไปทำต่อๆ แบบนี้แหละ ต่อยอดน้ำใจแบบนี้ผมรู้สึดดีชะมัดเลยครับ :D
วันอังคารที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2553
รถเมล์...บรรยากาศจำลองของสังคมจริง
ตั้งแต่รถมอไซค์คว่ำไป 2 รอบ...ก็เข็ด จึงหันกลับมาใช้รถสาธารณะเหมือนเดิม
รถเมล์ คือพาหนะแรกในการเดินทางไปที่ทำงานโดยไปต่อรถไฟฟ้าใต้ดิน
สมัยเรียนเป็นคนที่ชอบนั่งรถเมล์(แอร์)มากๆ เพราะเวลาที่หลังจากเลิกเรียนจะมีการบ้านให้กลับไปคิด...ก็บนรถนี่แหละที่เป็นสถานที่ที่เกิดไอเดียมากที่สุดนั่งริมหน้าต่างดูนู่นนั่นนี่ไปเรื่อย
ปัจจุบันยังนั่งรถเมล์อยู่(ฮา) แต่ก็มีบ้างที่ได้มีโอกาสได้นั่งคิดงานบนรถเมล์
แต่ประเด็นที่นั่งพูดไม่ใช่เรื่องงานน่ะซิ พอได้มานั่งรถสาธารณะรวมกับคนอื่นๆ แล้วได้รู้เลยว่าคนเรามันเห็นแก่ตัวจริงๆ ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย คนเก็บเงิน ยันคนขับรถ เมื่อ 10 ปีที่แล้วเป็นยังไงมาถึงตอนนี้ก็เมื่อเดิมหมดทุกอย่างยกเว้นรถที่เปลี่ยนสี 555
ผู้หญิงก็หวังที่ผู้ชายจะลุกให้ตัวเองนั่ง..ผู้ชายก็หวังจะไม่ให้ผู้หญิงมายืนใกล้ที่ที่ตังเองนั่งจะได้ไม่ต้องลุกให้..ส่วนพนักงานขับรถเมล์แอร์ ในรถมีป้ายห้ามดูดบุหรี่ในรถ เม่งก็เปิดหน้าต่างแล้วยื่นหน้าไปดูดนอกรถ...เอากับมันซิ แล้วที่พูดนี่ไม่ใช่ตัวเองดีน่ะ บางครั้งเคยเหมือนกันที่ไม่ได้ลุกให้ใครนั่ง แล้วก็เคยเหมือนกันที่เห็นว่าข้างหลังมีที่นั่งแต่อีป้าก็มายืนคิดว่าให้นั่งยืนตั้งนานจนมีคนอื่นไปนั่งที่ว่างเลยต้องมายืนตลอดโดยที่หวังจะให้คนอื่นนั่ง...เพื่ออะไร....
ก็ที่คนซื้อรถมากขึ้นมากขึ้นมากขึ้น เพราะเค้าจะหลบหลีกจากพวกนี้ไม่ใช่หรือไง แล้วรัฐบาลก็รณรงค์ไปดิว่าให้มานั่งรถสาธาณะ ดูสถาพดิเม่งห่วยมากแล้วใครจะไปอยากนั่งว่ะ
ตราบใดที่ผู้ว่าฯ หรือแม้กระทั่งนายกฯ ไม่เคยนั่งรถสาธารณะ ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาไอ้พวกนี้ได้หรอก
วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2553
วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553
Why - ?
วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2553
วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553
เก๊ก-ฮ่วย
มีอยู่วันหนึ่งหลังจากกลับจากหอศิลป์ เผื่อกลับออฟฟิค...ใช่แล้วอ่านไม่ผิดหรอกฮะ กลับออฟฟิึค(ฮา) เจอเพื่อนเก่าสมัยประถมที่เรียนห้องเดียวกันที่รถไฟฟ้าใต้ดิน
ตอนแรกที่เจอมันอืม....นี่มันไอ้XX (นามสมมุติ) นี่หว่า ตอนเด็กๆ ไอ้XX มันเป็นคนที่ขยันเรียนเก่งมากๆ เป็นรองหัวหน้าแต่ทำเกินหัวหน้าตลอดจนช่วงป.5-ป.6 มันก็ได้ขึ้นเป็นหัวหน้า เวลาสอบได้ต้นๆ ตลอด...ผ่านมาจนเริ่มเข้าม. 1 ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป ผมเรียนโรงเรียนชายล้วน...มันก็อยู่ด้วยแต่มันสอบเข้ามาน่ะ ผมเข้าวิธีอื่น 555
เมื่อเจอครั้งแรก ผมไม่กล้าทัก เพราะกลัวจำผิด แต่คิดไปคิดมาคงไม่มีใครหน้าแบบนี้แล้ว จึงเอ่ยปากทักมัน "เฮ้ยมึง จำกูได้ป่ะเนี่ย เบิ๊ดน่ะ" ยิ้มทักไป...มันก็ยิ้มมุมปากออกมาแล้วทักมาว่า "จำได้ซิ เห้นทีแรก เกือบจำไม่ได้" อ้าวมงก๋เห็นกูนิ ทำไมไม่ทักกูว่ะล่ะ ต้องให้กูเห็นก่อนทักก่อนใช่ไหม
ประเด็นคือไม่อะไรหรอกว่ามันจะทักหรือไม่ทัก แต่ที่อยากบ่นคือ มรึงจะเก็ก กับกูไปถึงไหนนนนนนนนนนนนนนน ทุกครั้งที่คุย ทุกครั้งที่มองหน้า มันเก๊กแบบออกหน้าออกตา (อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน ประมาณ เวลาตัวร้าย ทำขี้หลีใส่นางเอกหรือสาวๆ ) จนรำคาญ โชคดีของเบิ๊ด หรือมันไม่รู้ ที่มันต้องลงสถานีถัดไป เพราะรำคาญความเก๊กกับมันมาก
พอมันออกไป มานั่งคิดตอนสมัยมันเรียนโรงเรียนมัธยม ไม่แปลกเลยที่มันเป็นแบบนี้ จากประถม เป็นเด็กเรียนคุยง่าย พอมาวัยมัธยมคนเราก็คงโต เป็นหนุ่มขึ้น..เข้าใจอารมณ์เด็กเนิ๊ดๆ ทำตัวเป็นเพลย์บอยไหม ทำเก๋าทำเท่ตลอดเว....เหตุการณ์ครั้งนั้น มีรุ่นพี่ที่ออฟฟิคอยู่ด้วย 1 คน พี่เค้าบอกว่าคนเราจะเริ่มโตมาแบบไหนนี่อยู่ที่ช่วง มอปลาย เลยน่ะ..........อืม จริงของพี่ว่ะ ผมเห็นด้วย
แต่ก็ไม่เข้าใจ มรึงเก๊กทำไม..คิดไรกับกูป่ะเนี่ย
วันพุธที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
เรื่องของคนฉลาด 2 คน
วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันพุธที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
ฉันโต๊ะเธอ (by Rutty)
วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
บัตร
วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2553
วันพุธที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2553
เทศกาลหนัง (song)kran festival
วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2553
เชียงใหม่
วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2553
วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2553
ทดไว้ในบล็อก (10)
วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
มัน...ใหญ่...มาก
ทำมา 4 แบบ แต่สกีนหลายสี
ขายได้เรื่อยๆ (คำว่า ขายได้เรื่อยๆ นี่คือคำแก้ตัวของคำว่าขายไม่ดีป่ะ)
งานนี้ได้เจอเพื่อน..จิ๊บกับเปิ้ล มันมาเล่นในงานนี้ด้วย ชื่อวง Bulleteen (มีลิงค์เวบไซค์ ด้านขวามือครับ ลองฟังดู)
ถึงจะขายได้เรื่อยๆ ก็มีคนดังมาซื้อน่ะ ตูน มือเบสวง Abuse The Youth ก็มาซื้อด้วย แถมตอนเล่นก็ใส่เสื้อเล่นคอนเสิร์ตด้วย สุดยอด!!