วันอังคารที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2553

H N Y 2 0 1 1

วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เรื่องของ "มะพร้าว" และ "ถั่วแดง"

ฉันคือมะพร้าว มะพร้าว มะพร้าว
อย่าดูฉันแค่เปลือกนอกที่หลอกตา
ภายในของฉันทั้งหวาน ทั้งหอม ทั้งโรแมนติก

............................................................................................

ฉันชื่อถั่วแดง ไม่แดงจนแสบตา
ภายในของฉันบรรจุเต็มด้วยความรู้สึก
ใครไม่รู้จักความรัก ฉันรับเป็นที่ปรึกษา

วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

1st Anniversary


*CHARACTER DESIGN BY TUI (GRAPHIC DESIGNER SUPERSTAR)

B Y R D

วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ตักสุราหัวแตก..@ RCA

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ครึ้มอกครึ้มใจ ก็ยกชาวแก๊งค์ไปกินเหล้ากันที่ร้านตักสุราที่ RCA

ไปกันเกือบ 10 คน เป็นงานวันเกิดรุ่นพี่...สั่งเบียร์ 2 หลอด เหล้า 2 แบน กับแกล้ม 7-8 อย่าง...ก็สนุกสนานกันไป ร้านนี้ไม่รู้เป็นไรทุกสาขาเหมือนกันหมดคือ ไม่ค่อยมีพนักงานให้เรียก จะสั่งอะไรทีก็อ่ะน่ะ ตามตัวอยากจริงๆ แทบจะขอร้องกันเลยทีเดียว แถมเด็กเสิรฟ์ยังพม่าอีก......

เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ก็ได้เวลากลับบ้านกลับช่อง เรียกพนักงานเก็บตังค์ บิลมา...4,700 กว่าบาท!!!!!!!!!! o_O แม่เจ้า แดกเหี้ยอะไรไปเนี่ย (ขอหยาบหน่อยนึง) ปกติ กินร้านตัสุราไม่เคยเกิน สองพัน
....ทันใดนั้นก็เอาบิลมาเช็ค
- เบียร์เกินมาหลอด
- เบียร์ใครสั่งมากิน 1 ขวดว่ะ
- ลูกชิ้นทอด (ในเมนูมึงยังไม่มีเลย แล้วกูจะสั่งอะไร)

ก็เลยบอกพนักงานว่าไม่ใช่แหละ ไม่ได้สั่ง พนักงานก็หยิบบิลไป แล้วแก้ไขโดยด่วน โดยที่มึงไม่แย้งอะไรกูเลย พอรอบสอง บิลมา 3,500 บาท เออ ยังแปลกๆ อยู่ ก็ดูบิลอีกที (ปล. ร้านนี้มิกซ์ 15 บาท)
- มีค่า HBD 480 บาท (ค่าวันเกิดเนี่ยน่ะ กินเค้กร้านมึง นี่เสียตังค์ด้วยหรอว่ะ) แถมยังมี 2 บิล!!!!!!
- ยังมีค่าอาหารที่ไม่ได้สั่งอีกน่ะ
เห้อ..เอากับมันซิ ก็บอกพนักงานอีกว่าไอ้พวกนี้มันค่าอะไร..อีกครั้งที่พนักงานไม่เถียงอะไรเลยแถมยังไปคิดอีกรอบ จากสังเกต โต๊ะข้างๆ ก็มีปัญหาเหมือนกัน คืองง แล้วรู้สึกว่ามันแพงไป
พอบิลมาครั้งที่สาม.....1,600 บาทถ้วน ทีนี้ก็พอสมเหตุสมผล แต่เรื่องพวกมิกซ์นี่นับไม่ได้จริงๆ ก็ได้แต่กะๆ เอา ทีนี้พนักงานคนไทยก็ยังเสือกพูดมาอีกว่า "เนี่ยดูดีๆ น่ะ เพราะเด็กเสิร์ฟ(คนต่างด้าว)เขียนมั่วต้องเช็ค" อ้าว...นี่กูต้องเช็คใช่ไหมแล้วพวกมึงปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้ไงว่ะ กูลูกค้าน่ะ

มานั่งคิด..นี่ถ้าเราเกิดเมามาย แล้วจ่ายไปล่ะ เสียค่าโง่ไป 3,000 บาท จะเกิดไรขึ้น แล้วถ้าเป็นแบบนี้ สัก 3 โต๊ะ ร้านก็ได้เงินไปเนาะๆ เกืยบหมื่นเลยน่ะ โหววว ขนลุกว่ะ

นี่ดีน่ะที่ปกติ รู้ว่าร้านนี้เป็นยังไงเฉลี่ยที่มากินประมาณเท่าไร แล้วถ้าเกิดคนที่ไม่รู้มากินร้านนี้ล่ะ หรือถ้าเราไปร้านที่ไม่คุ้นเคยแล้วเจอแบบนี้ล่ะ เสียอารมณ์ เสียความรู้สึกกับที่นี่มากๆ เลย

หายเมากันเลย...เซ็ง

25th Anniversary of the Back To The Future

หลายวันก่อนได้มีโอกาสดูหนังเรื่อง Back ToThe Future ไปจากคำแนะนำของพี่ชาย......

....ก่อนดู เรื่องนี้ฉายเมื่อปี 1985 (ปีเดียวกับที่ผมเกิด) คิดไว้เลย คงเชยแหลกแถมพวกเอฟเฟ้กคงไม่ดีแน่ๆ

....หลังจากที่ดูเสร็จ เ-็ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด แม่เจ้า ทำไมมันสนุกงี้ว่ะ ไม่มีอะไรให้ติเลยในความรู้สึกผมน่ะ สนุก ลุ้นตลอดทั้งเรื่อง


รูปนี้โปสเตอร์ถาค 1


เรื่องนี้จากภาคแรกที่เข้าฉายก็ผ่านมา 25 แล้ว ปีนี้เอง (2010) ก็มีจัดงานครบรอบ 25 ปีด้วย อายุเท่าผมพอดี 555+ ดูช้าไป 25 ปี สำหรับเรื่องเรื่องนี้ผมคิดว่าไม่ช้าไปเลยน่ะ :P



รูปนี้ตอนงานฉลอง 25 ปีของหนัง.....แต่ล่ะคน 5555


Michael J. Fox นักแสดงนำบอกกับนักข่าวว่า "The movie made me so famous. I could walk on the street of Bangkok, and people would call me Marty McFly." ^^

วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ต่อยอด..ความสุข

หลายวันก่อนหน้านี้ ผมลองโชว์ป๋า………ป๋ายังไงน่ะหรอฮะ มันมีที่มาที่ไปครับ


เรื่องมีอยู่ว่า ปกติทุกวันในการเดินทางมาทำงานผมจะซื้อบัตรรถไฟฟ้าใต้ดินเป็นรายเดือนอยู่ แล้ว

เมื่อถึงวันสุดท้ายขอวัน(วันสุดท้ายของบัตร) หลังออกมาจากตรงที่สแกนบัตร โดยปกติแล้วเมื่อใช้เสร็จผมก็จะทิ้งทันที เพราะผมก็ไม่ได้ใช้มันอีกแล้ว แต่วันนั้นมันต่างออกไป ผมเดินไปหาคนที่กำลังต่อแถวซื้อบัตรโดยสารแทนที่จะเดินขึ้นออกจากสถานีไปปกติ

คนที่ผมเจอนั้นเป็นอีป้าแก่ๆ กำลังต่อคิวอยู่คิวสุดท้าย ผมพูดแบบนี้ครับ

เออ โทษน่ะฮะ พอดีบัตรนี้ใช้ได้ถึงวันนี้เที่ยงคืน แล้วผมก็ไม่ได้ใช้แล้วฮะ เนี่ยกำลังจะกลับบ้านแล้ว คุณเอาไปใช้ได้น่ะครับที่ผมเรียกเขาเป็นอีป้าแก่ๆ เพราะเค้าไม่เชื่อผมคิดว่าผมจะมาหลอกหลวงเค้า(หน้าผมมันขนาดนั้นเลยหรอ) ป้าเค้าก็ปฎิเสธไป พอดีอีกคนที่ต่อคิวอยู่ข้างหน้า หันมาเหมือนได้ยินก็เกิดอาการสนใจ เค้าเลยถามผมว่าใช้ได้จริงหรอ” “จริงซิฮะ จะอำทำไม เนี่ยผมไม่ใช้แล้วจริงๆเค้าเลยรับบัตรที่ผมยื่นให้ โดยที่เค้าบอกขอบคุณแล้วยิ้มให้หนึ่ง เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจผมก็เดินออกมาอย่างเท่ๆ ที่มาเล่ามาพิมพ์เนี่ยไม่ได้คิดว่าจะมาโชว์เพาว์ โชว์เท่ บอกว่าตัวเองดีอะไรหรอก แต่ที่ทำให้อยากมาเขียนเพราะว่ามันคงรู้สึกแปลก ถ้าผมได้รับบัตรแบบนี้กับใครบ้าง อย่างน้อยๆ ตลอดในการเดินทางในรถไฟฟ้าใต้ดินอ่ะผมคงยิ้มแล้วก็นึกถึงคนที่ให้บัตรเรา แล้วผมเชื่อน่ะ ถ้ามีคนมาทำดีๆ แบบนี้ รับรอง เราซึ่งเป็นคนที่ได้รับการกระทำ จะต้องออกไปทำต่อๆ แบบนี้แหละ ต่อยอดน้ำใจแบบนี้ผมรู้สึดดีชะมัดเลยครับ :D

วันอังคารที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2553

รถเมล์...บรรยากาศจำลองของสังคมจริง

ตั้งแต่รถมอไซค์คว่ำไป 2 รอบ...ก็เข็ด จึงหันกลับมาใช้รถสาธารณะเหมือนเดิม


รถเมล์ คือพาหนะแรกในการเดินทางไปที่ทำงานโดยไปต่อรถไฟฟ้าใต้ดิน

สมัยเรียนเป็นคนที่ชอบนั่งรถเมล์(แอร์)มากๆ เพราะเวลาที่หลังจากเลิกเรียนจะมีการบ้านให้กลับไปคิด...ก็บนรถนี่แหละที่เป็นสถานที่ที่เกิดไอเดียมากที่สุดนั่งริมหน้าต่างดูนู่นนั่นนี่ไปเรื่อย


ปัจจุบันยังนั่งรถเมล์อยู่(ฮา) แต่ก็มีบ้างที่ได้มีโอกาสได้นั่งคิดงานบนรถเมล์


แต่ประเด็นที่นั่งพูดไม่ใช่เรื่องงานน่ะซิ พอได้มานั่งรถสาธารณะรวมกับคนอื่นๆ แล้วได้รู้เลยว่าคนเรามันเห็นแก่ตัวจริงๆ ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย คนเก็บเงิน ยันคนขับรถ เมื่อ 10 ปีที่แล้วเป็นยังไงมาถึงตอนนี้ก็เมื่อเดิมหมดทุกอย่างยกเว้นรถที่เปลี่ยนสี 555


ผู้หญิงก็หวังที่ผู้ชายจะลุกให้ตัวเองนั่ง..ผู้ชายก็หวังจะไม่ให้ผู้หญิงมายืนใกล้ที่ที่ตังเองนั่งจะได้ไม่ต้องลุกให้..ส่วนพนักงานขับรถเมล์แอร์ ในรถมีป้ายห้ามดูดบุหรี่ในรถ เม่งก็เปิดหน้าต่างแล้วยื่นหน้าไปดูดนอกรถ...เอากับมันซิ แล้วที่พูดนี่ไม่ใช่ตัวเองดีน่ะ บางครั้งเคยเหมือนกันที่ไม่ได้ลุกให้ใครนั่ง แล้วก็เคยเหมือนกันที่เห็นว่าข้างหลังมีที่นั่งแต่อีป้าก็มายืนคิดว่าให้นั่งยืนตั้งนานจนมีคนอื่นไปนั่งที่ว่างเลยต้องมายืนตลอดโดยที่หวังจะให้คนอื่นนั่ง...เพื่ออะไร....


ก็ที่คนซื้อรถมากขึ้นมากขึ้นมากขึ้น เพราะเค้าจะหลบหลีกจากพวกนี้ไม่ใช่หรือไง แล้วรัฐบาลก็รณรงค์ไปดิว่าให้มานั่งรถสาธาณะ ดูสถาพดิเม่งห่วยมากแล้วใครจะไปอยากนั่งว่ะ


ตราบใดที่ผู้ว่าฯ หรือแม้กระทั่งนายกฯ ไม่เคยนั่งรถสาธารณะ ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาไอ้พวกนี้ได้หรอก

วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2553

Font - Circular

ฟอนต์ใหม่สวยดี...ชื่อ Font - Circular เลยเอามาลอง

วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

"สิ่งมหัศจรรย์ธรรมดา"

‎"หนังตัวอย่าง" หนังสือเล่มใหม่ของคุณเอ๋ "นิ้วกลม" ครับ


วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

Why - ?

ว่างมากนัก.....

หลังจากอ่านหนังสือ "PIXAR MANIA" เกี่ยวกับการ์ตูนอนิเมะชั่นของบริษท PIXAR แล้ว "อิน" เลยมานั่งทำโปสเตอร์อารมณ์แบบการ์ตูนบ้าง (ปกติไม่ใช่แนวนี้อยู่แล้ว) เลยทำสีสดใสแล้วก็เอา Font ลายมือทำเล่น....สุดท้าย วางไปวางไปมา ก็กลับมาแนวตัวเองเหมือนเดิม.....เฮ้อ :P

วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2553

aะ-lลne

วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เก๊ก-ฮ่วย

มีอยู่วันหนึ่งหลังจากกลับจากหอศิลป์ เผื่อกลับออฟฟิค...ใช่แล้วอ่านไม่ผิดหรอกฮะ กลับออฟฟิึค(ฮา) เจอเพื่อนเก่าสมัยประถมที่เรียนห้องเดียวกันที่รถไฟฟ้าใต้ดิน


ตอนแรกที่เจอมันอืม....นี่มันไอ้XX (นามสมมุติ) นี่หว่า ตอนเด็กๆ ไอ้XX มันเป็นคนที่ขยันเรียนเก่งมากๆ เป็นรองหัวหน้าแต่ทำเกินหัวหน้าตลอดจนช่วงป.5-ป.6 มันก็ได้ขึ้นเป็นหัวหน้า เวลาสอบได้ต้นๆ ตลอด...ผ่านมาจนเริ่มเข้าม. 1 ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป ผมเรียนโรงเรียนชายล้วน...มันก็อยู่ด้วยแต่มันสอบเข้ามาน่ะ ผมเข้าวิธีอื่น 555

เมื่อเจอครั้งแรก ผมไม่กล้าทัก เพราะกลัวจำผิด แต่คิดไปคิดมาคงไม่มีใครหน้าแบบนี้แล้ว จึงเอ่ยปากทักมัน "เฮ้ยมึง จำกูได้ป่ะเนี่ย เบิ๊ดน่ะ" ยิ้มทักไป...มันก็ยิ้มมุมปากออกมาแล้วทักมาว่า "จำได้ซิ เห้นทีแรก เกือบจำไม่ได้" อ้าวมงก๋เห็นกูนิ ทำไมไม่ทักกูว่ะล่ะ ต้องให้กูเห็นก่อนทักก่อนใช่ไหม


ประเด็นคือไม่อะไรหรอกว่ามันจะทักหรือไม่ทัก แต่ที่อยากบ่นคือ มรึงจะเก็ก กับกูไปถึงไหนนนนนนนนนนนนนนน ทุกครั้งที่คุย ทุกครั้งที่มองหน้า มันเก๊กแบบออกหน้าออกตา (อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน ประมาณ เวลาตัวร้าย ทำขี้หลีใส่นางเอกหรือสาวๆ ) จนรำคาญ โชคดีของเบิ๊ด หรือมันไม่รู้ ที่มันต้องลงสถานีถัดไป เพราะรำคาญความเก๊กกับมันมาก

พอมันออกไป มานั่งคิดตอนสมัยมันเรียนโรงเรียนมัธยม ไม่แปลกเลยที่มันเป็นแบบนี้ จากประถม เป็นเด็กเรียนคุยง่าย พอมาวัยมัธยมคนเราก็คงโต เป็นหนุ่มขึ้น..เข้าใจอารมณ์เด็กเนิ๊ดๆ ทำตัวเป็นเพลย์บอยไหม ทำเก๋าทำเท่ตลอดเว....เหตุการณ์ครั้งนั้น มีรุ่นพี่ที่ออฟฟิคอยู่ด้วย 1 คน พี่เค้าบอกว่าคนเราจะเริ่มโตมาแบบไหนนี่อยู่ที่ช่วง มอปลาย เลยน่ะ..........อืม จริงของพี่ว่ะ ผมเห็นด้วย


แต่ก็ไม่เข้าใจ มรึงเก๊กทำไม..คิดไรกับกูป่ะเนี่ย

วันพุธที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Bird - Byrd

วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เรื่องของคนฉลาด 2 คน

***บอกไว้ก่อนนี่คือเหตุการณ์สมมุติไม่อ้างอิงจากใครทั้งสิ้น

เรื่องคือ.......

มีหนุ่มพนักงานเงินเดือน 2 คน คนแรกชื่อเบิ๊ด กับอีกคนรุ่นพี่ของเค้าชื่อต๊อบ...โดยปกติ 2 คนนี้เวลาไปทำงาน จะใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินอยู่เสมอมาโดยเบิ๊ดขึ้นจากต้นสายคือหัวลำโพง แต่พี่ต๊อบ จากคลองเตย เพื่อไปโผล่ที่สถานีพหลโยธิน โดยที่ค่าโดยสารคือ 40 และ 35 บาทตามลำดับ เมื่อใช้เป็นประจำทั้งสองคนเลยจะต้องพึงพาซื้อบัตรแบบ 15 วัน

เวลาผ่านไป......มีอยู่วันหนึ่งทั้งสองได้กลับพร้อมกัน แต่ตอนจะไปยังสถานี พี่ต๊อบดันลืมบัตรรถไฟฟ้าใต้ดินที่ออฟฟิคเลยต้องหยอดเหรียญเผื่อลงคลองเตยปกติ

เมื่อได้เขาไปขบวนรถก็พูดคุยกันปกติ.............แล้วพี่ต๊อบก็พูดมาอย่างชาญฉลาดว่า "แบบนี้บัตรรถไฟฟ้าเนี่ย พอลงเสร็จก็แอบให้คนอื่นมาใช้ต่อไปได้ซิว่ะ" "เออ ว่ะพี่" เบิ๊ดตอบออกไปแบบเห็นด้วย ทันใดนั้นความคิดฉลาดๆ ก็ผุดเข้ามาในหัวแบบทันทีทันใด.....
"พี่ต๊อบ พอดีเลย พรุ่งนี้ เบิ๊ดไม่ได้เข้าออฟฟิคพี่เอาบัตรของผมไปใช้ก็ได้น่ะพี่"
"แล้วมึงจะออกไปไง เอาบัตรมาให้กู"
"พี่ก็ลงหัวลำโพงกับผมซิ ไอ้เหรียยที่จะลงคลองเตยอ่ะ เก็บไว้เป็นที่ระลึกล่ะกัน เด๋วผมผ่านออกไปปุป แล้วผมจะยื่นให้พี่ โอเคป่ะ"
"เออ ได้ๆ งี้คนทุกคนเม่งก็ทำแบบเราหมดดิว่ะ แบบนี้"
"ก็ได้น่ะพี่ ผมว่า เม่งโกงได้ แต่ไม่ค่อยมีคนอยากทำหรอก ลองดูๆ"
"งั้นมึงไอ้เบิ๊ด เดินออกไปแล้วเด๋วกูไปเอาบัตรแต่กูกลับออกไปลงแถวลามย่านดีกว่า ต่อรถเมล์ได้หลายสายดีด้วย"

ถึง...หัวลำโพง
เบิ๊ดได้เดินออกไป พร้อมบัตรปกติ เมื่อเดินออกไปปุป เบิ๊ดก็ฟอร์มยื่นเดินให้พร้อมกับสอดบัตรของตัวเองลงไปให้........ออกจากสถานีเบิ๊ดกำลังเดินกลับบ้าน มีโทรศัพท์จากพี่ต๊อบโทรเข้า เบิ๊ดใจเสียมากเพราะพี่ต๊อบบอกว่าโดนจับได้!!!!! เบิ๊ดรีบเดินกลับไปสถานีเผื่อไปหาพี่ต๊อบ..แล้วพี่ต๊อบก็เฉลยว่าเค้าอำ ก็ตลกคริเคอะกันไป
ประมาณสักเกือบๆ ครึ่งชม. พี่ต๊อบได้โทรมาบอกเบิ๊ดว่า เค้าใช้บัตรออกจากสถานีสามย่านไม่ได้ เพราะทางบัตรต้องได้เซ็นเซอร์แบบเข้าก่อน ทำให้พี่ต๊อบก็นั่งรถไฟฟ้ากลับไปที่คลองเตยปกติ โดยที่ใช้เหรียญอันเดิมจากที่ซื้อก่อนหน้านี้ ทำให้เสียเวลาไปอีกเกือบ ชม. แทนที่จะถึงบ้านพักผ่อนแล้วส่วนทางเบิ๊๊ดก็ดันนึกขึ้นได้ว่า พรุ่งนี้ก็ไม่ได้ไปออฟฟิค แล้วจะไปเอาบัตรโดยสารจากพี่ต๊อบได้ยังไง เลยทำให้วันถัดไปที่จะไปออฟฟิค ทำให้ต้องเสียเงินเพื่อไปออฟฟิค.........

เนี่ยแหละความฉลาดขั้นเทพของทั้งสองคน

วันจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

My Hero

วันพุธที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2553

character style (It's me)

ที่ออฟฟิคทำเวบไซส์ใหม่ มีรูปพนักงานด้วยทำcharacter style มาแต่ล่ะคน 5555 ดูไปก็คล้ายบอยตรัย

วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

สะกดยากอยู่น่ะ

วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ฉันโต๊ะเธอ (by Rutty)


"ฉันโต๊ะเธอ".....โปรเจคจากบล๊อกของพี่รัด ที่รวบรวมรูปโต๊ะทำงานของแต่ล่ะคน จริงๆ เขาเล่นไปตั้งนานแล้ว แต่เพิ่งจะว่างแล้วก็นึกขึ้นได้(เมื่อเช้า) เลยถ่ายมาให้ดูบ้าง

.....ที่โต๊ะก็ไม่ค่อยรกเท่าไรน่ะเนี่ย ^^

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

บัตร

งานนี้เป็นงานพิชชิ่งของบริษัท ซึ่งมาพิชชิ่งกันเองในบริษัทก่อน

งานคือออกแบบบัตรเครดิตของกสิกรไทย ซึ่งเป็นบัตรเครดิตที่สูงที่สุด เหนือกว่าบัตรใดๆ
กลุ่มเป้าหลักก็คนจีนที่มีกิจการนี่แหละ
concept และที่มา

โลโก้ ที่เห็นตั้งใจออกแบบเป็นเรขาคณิต เพราะ ต้องการมาจากความมั่นคง ที่คิดถึงรากฐานพื้นฐาน จากทรงเรขาคณิตเบิ๊ดเลือก วงกลม แทนที่จะเป็นพวก สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม เพราะ....วงกลม ที่เลือก วงกลม 2 อันมาประกอบให้ดูคล้ายเป็นตุ๊กตาล้มลุกเพื่อสื่อสำหรับความยึดหยุ่นมากกว่าความแข็งแรง แล้วยังคล้ายกับเลข "8" แปด ซึ่งเป็นเลขที่มงคลของคนจีน

ส่วนลายเส้น ของตัวเลขแปด เอาลวดลายจากการเขียนพู่กันของชาวจีน เพราะส่วนมาก คนโบราณจะนิยมเขียนคำมงคลจากพู่กันจีน แล้วยังเป็นเอกลักษณ์ของจีนอีกด้วย

ส่วนคำว่า "KGroup Private Card" เบิ๊ดต้องการให้เป็นทรงเรขาคณิตเหมือนกัน แต่อันนี้ทำให้เป็นทรงสี่เหลี่ยม เผื่อไม่ให้ดูกลืน
จากวงกลม แล้วก็ใช้ตัวใหญ่ ทั้งหมดเนื่องจากต้องการให้ดูมั่นคง

สีเขียว
ตั้งใจใช้สีจากธนาคารเค้านี่แหละฮะ แต่เบิ๊ดอยากได้สัเขียว ที่ดูเข้มๆ กว่านี้ มาจากสีของมรกต ที่เป็นสิ่งมงคลมีคุณค่า

ลายของบัตร
อยากให้เป็นสีเขียวมรกตทั้งใบเลยครับ แล้วก็มันวาวปกติ แต่จะรู้สึกพิเศษ ตรงที่ลายของโลโก้ ที่เบิ๊ดทำเป็นเม็ดๆ เพราะ อยากทำลายตรงนั้นให้ด้านๆ เป็นเม็ดๆ เหมือนทรายครับ แบบที่เรารู้สึกได้เลยว่าแตกต่างกันระหว่างพื้นบัตร กับ ลายโลโก้

สุดท้ายก็ไม่ได้ คนอื่นสวยกว่า 5555 พูดมาซะยาว

วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2553

Love me love my dog

วันพุธที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2553

Byrd's Day

วันจันทร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2553

เทศกาลหนัง (song)kran festival

สงกรานต์ หยุดยาววววววววววววแบบนี้....ทำไรดี

ส่วนตัวนี่นอกจาก นอน ดูชิงร้อยชิงล้านแบบรวมมิตร และรวมฮิตสะเก๊ตข่าว....ก็ดูหนังนี่แหละ
เริ่มเลยดีกว่า


Hachiko
- เพราะเลี้ยงหมาด้วยหรือเปล่า ถึงทำให้ร้องไห้แบบต่อมน้ำตาแตก ซึ้งมาก (ขนาดตอนพิมพ์ยังคิดถึงฉาก ที่มันทำตาซึ้งกับเจ้าของ)


Up in the air
- ถ้าเป็นคนโสด มาดู จะอินมากๆ สุดท้ายแล้ว ชอบมากกับตอนท้ายเรื่อง แล้วก็ประโยคที่ว่า "เขาเป็นคนหลงทาง" หลงอะไร ยังไง ก็ดูซะ

Sundome
- เรื่องนี้สร้างจากการ์ตูน ออกแนวติดเรตหน่อย มี 4 แผ่นจบ ไม่รู้ว่าเรียกหนังหรือเรียกซี่รีย์ ดี เพิ่งดูไปได้ 2 แผ่น หลายคนบอกดูแล้วเปลืองทิชชู่ 5555 ส่วนตัวพอดูแล้ว.....แหม หนังไม่ได้ซึ้งอะไรขนาดนั้นที่ต้องใช้ทิชชู่ 55


The men who stare at goats
- ได้ดูก่อนหยุดสงกรานต์นิดหน่อย ส่วนตัวกริ๊ดจอร์จ คลูนีย์ กับ ฆวน แม็คเกเกอร์ อยู่แล้ว........ดูเรื่องย่อ น่าจะฮา แต่ แอบดราม่าเฉย จริงๆ ก็ไม่แอบ มาแบบเต็มๆ

The hurt locker
- กู้(ระเบิด)เม่งทั้งเรื่อง ลุ้นได้ใจดี ชอบ บทสรุปสุดท้าย..ของการมีชีวิต


500 Days of summer
- หนังรักเด็กแนววัยทำงาน......ดูไปเรื่อยๆ พระเอกเม่งเท่ว่ะ

Control
- แอบมาดูที่ออฟฟิคในวันจันทร์หลังหยุดยาว 555+ เพลงดูสนุกดี ภาพขาวดำ แต่ไม่ค่อยอินเท่าไร เพราะไม่ค่อยรู้เรื่องเพลงฝรั่งด้วยมั่ง


แต่ก็ยังไปเล่นน้ำน่ะ

วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2553

เชียงใหม่

- ได้การ์ดงานแต่งจากรุ่นพี่ที่ทำงานเก่า
- ที่เชียงใหม่
- ให้ก้อยทำรูปให้แทนการใส่ซอง
- นั่งรถทัวร์นครชัยแอร์ VIP
- โทรจอง จ่ายเซเว่นฯ เจ๋งว่ะ
- นั่งวีไอพี สุดยอดแห่งการเดินทาง
- หนัง เพลง เบาะนวด อาหารการกิน เวรี่กู๊ด
- ไป 4 ทุ่ม ถึง 8 โมงเช้า
- รุ่นพี่ที่เป็นเจ้าสาวให้ยืมมอ' ไซค์
- ว่อนทั้งวัน
- ขี่ขึ้นดอยสุเทพ มันสาด
- ข้าวซอย ไมโลดิบ ไอเบอร์รี่ ฯลฯ
- ใส่สูทชุดเท่ที่งาน
- เจอโก๊ะตี๋ 55555 อย่าฮา
- ที่สำคัญ......ร้อนมาก

วันพุธที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2553

untitled 2

วันอังคารที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2553

untitled








วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2553

วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2553

ทดไว้ในบล็อก (10)

- เฮ้อ...
- กว่าจะได้เวลามาอัพบล๊อก
- เริ่มเลยดีกว่า
- เดือนนี้ไปกิจกรรมแอบเยอะมากๆ
- อาทิตย์แรก..ไปหาพี่น้อยหน่าในงาน อะบุ๊คแฟร์
- เค้าออกหนังสือ "better bento" ของเค้าดีจริงๆ รีบไปซื้อน่ะ เด๋วจะหมดซื้อไม่ทัน
- เพราะเค้าพิมพ์มาน้อย (ฮา)
- งานต่อไป "บิ๊กเม่าเท่น" ที่เขาใหญ่
- ที่ได้ไปเพราะไปขายเสื้อ..ขายไม่ค่อยดี แต่ก็ถือว่าฮือฮามาก
- ทิดชึ่ง ไปกับพี่ตุ้ม พี่แบ๊ก พี่รัด พี่ดก
- งานต่อไปอีก.....เดี่ยว 8 ของโน๊ตอุดม
- ฮาไม่ฮาไม่รู้ แต่ดูบัตร 2 พัน ^^
- หลังจากนั้น......งานเข้า ตลอด 2 อาทิตย์
- ตื่น-ทำงาน-ตื่น-ทำงาน-ตื่น-ทำงาน-ตื่น-ทำงาน....
- ....ตื่น-ทำงาน-ตื่น-ทำงาน เท่านี้จริงๆ ช่วงที่ผ่านมา
- กินแต่มาม่าคัพ ทั้งเดือน....กินทั้งคืน
- เป็นเดือนที่กินมาม่าเยอะที่สุดในชีวิต
- ปกติกินเฉพาะสิ้นเดือน (ฮา)
- เดือนนี้ได้เจออุ้ย
- อุ้ยกลับมาจากภูฐาน
- คิดว่าจะได้เจอพร้อมสามี 555
- อุ้ยมีของฝากด้วย ถ้าอุ้ยแกเข้ามาอ่านถึงตรงนี้...
- จะบอกว่าขอบคุณมากๆ มึง กูชอบมากกกกก โดยเฉพาะธง ^^ แนวได้อีก
- พาอุ้ยไปช๊อปปิ้ง...ซื้อหนังสือ คัลเจอร์+ดีไซส์ ให้ เล่ม 1 กับ 2 เป็นของขวัญให้อุ้ย
- แล้วพาไปกินอาหารญี่ปุ่นแถวข้าวสาร ตบตูดด้วยไอติม
- อิ่ม.....อีกปีเจอกันมึงอุ้ย คิดถึงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
- ก่อนกลับอุ้ยเปิดทริปไปเที่ยวภูฐาน...แวะอินเดียด้วย
- อยากไปชะมัด..ทริบญี่ปุ่นของอัน ยังไม่ได้ไปเลย เก็บเงินไม่ทัน
- แต่พูดจริง อยากไปอินเดีย ภูฐานมากกว่าน่ะ อยากไปเข้าห้องน้ำที่นั่น ^^ อยากไปเจอของจริง
- ตอนนี้เตรียมเงินก่อนล่ะกัน เก็บไปเหอะ....จนตาย 555

วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Signs




อบอุ่นชะมัด

วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

มัน...ใหญ่...มาก

ไปเที่ยวงาน Big Mountain Music Festival มา....จริงๆ ที่ได้ไปเพราะเพื่อนพี่รัดได้บู๊ทมา 1 บู๊ท เคยมีโครงการเฉพาะกิจ..ขายเสื้อกัน


ทำมา 4 แบบ แต่สกีนหลายสี

ขายได้เรื่อยๆ (คำว่า ขายได้เรื่อยๆ นี่คือคำแก้ตัวของคำว่าขายไม่ดีป่ะ)

งานนี้ได้เจอเพื่อน..จิ๊บกับเปิ้ล มันมาเล่นในงานนี้ด้วย ชื่อวง Bulleteen (มีลิงค์เวบไซค์ ด้านขวามือครับ ลองฟังดู)

ถึงจะขายได้เรื่อยๆ ก็มีคนดังมาซื้อน่ะ ตูน มือเบสวง Abuse The Youth ก็มาซื้อด้วย แถมตอนเล่นก็ใส่เสื้อเล่นคอนเสิร์ตด้วย สุดยอด!!


รวมหุ้น (การลงทุนมีความเสียง โปรดคิดเยอะๆ )






วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เรื่องเอิ่บใจ

วันนี้มีเรื่องดีๆ สองเรื่องที่แนะที่ทำให้อิ่มใจ และยิ้มไปได้ทั้งวัน

เริ่มเลยเมื่อวานตอนกลับบ้านนั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน...ผู้หญิงฝั่งตรงข้าม น่ารักมากๆ เซ็กซี่ หุ่นดี.....เออ ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่จะเล่าน่ะ แค่อยากพูดถึงเฉยๆ ก็พอลับบ้านก็ออกไปร้านราดหน้า...แน่นอนก็ต้องสั่งราดหน้ามากินใส่ถุงกลับบ้าน ก็ยืนรอ..คนขายก็ทักว่า"เด๋วนี้ไม่ค่อยเห็นเลยน่ะ เมื่อก่อนมากินบ่อย ทำไมล่ะย้ายบ้านแล้วหรอ" ผมก็ยิ้มว่าไม่ย้ายไปไหนหรอก แค่กลับบ้านดึกเลยไม่ค่อยได้มาซื้อกินเพราะกว่าจะมาร้านก็ปิดไปแล้ว..ก็คุยเรื่องก่อนๆ ว่าคนนั้นล่ะไม่มาแล้วหรอ แล้วนี่ทำงานอะไร ยังไงไปเรื่อย...จนร่ำลากลับบ้านพร้อมราดหน้าแบบพิเศษในราคาธรรมดา
เรื่องที่สองก็นั่งทำงานแอบคุยเอ็มกับพี่น้อยหน่า(จริงๆ แลัวนั่งคุยเอ็มแอบทำงาน) ก็คุยเรื่องหนังสือที่ผมจะทำ พี่เค้าก็บอกว่าสนขายไหมเด๋วไปเสนอสำนักพิมพ์ให้ ไอ้เราก็ดีใจ พอรู้ว่าพี่เค้าก็เคยมาอ่านที่บล็อคเรา...ก็ดีใจมากกก...ยิ้มบานกว่าเก่าอีก

เข้าใจความรู้สึกของคนเขียนเลยที่มีคนอ่านและชื่นชมผลงานของเราจริงๆ
ปล. งานอะบุ๊คแฟร์ที่จะถึงนี้ เบิ๊ดจะหาทางไปอุดหนุนน่ะพี่จะไปขอถ่ายรูป+ขอลายเซ๊นต์ ด้วยเอามาลงในบล็อค ^^

วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2553

รูปด่วนเจ้าพระยา

วันอาทิตย์ไม่มีไร นานๆ ทีเดินทางด้วยเรือ เลยถ่ายรูปมาเพลินๆ