ตั้งแต่รถมอไซค์คว่ำไป 2 รอบ...ก็เข็ด จึงหันกลับมาใช้รถสาธารณะเหมือนเดิม
รถเมล์ คือพาหนะแรกในการเดินทางไปที่ทำงานโดยไปต่อรถไฟฟ้าใต้ดิน
สมัยเรียนเป็นคนที่ชอบนั่งรถเมล์(แอร์)มากๆ เพราะเวลาที่หลังจากเลิกเรียนจะมีการบ้านให้กลับไปคิด...ก็บนรถนี่แหละที่เป็นสถานที่ที่เกิดไอเดียมากที่สุดนั่งริมหน้าต่างดูนู่นนั่นนี่ไปเรื่อย
ปัจจุบันยังนั่งรถเมล์อยู่(ฮา) แต่ก็มีบ้างที่ได้มีโอกาสได้นั่งคิดงานบนรถเมล์
แต่ประเด็นที่นั่งพูดไม่ใช่เรื่องงานน่ะซิ พอได้มานั่งรถสาธารณะรวมกับคนอื่นๆ แล้วได้รู้เลยว่าคนเรามันเห็นแก่ตัวจริงๆ ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย คนเก็บเงิน ยันคนขับรถ เมื่อ 10 ปีที่แล้วเป็นยังไงมาถึงตอนนี้ก็เมื่อเดิมหมดทุกอย่างยกเว้นรถที่เปลี่ยนสี 555
ผู้หญิงก็หวังที่ผู้ชายจะลุกให้ตัวเองนั่ง..ผู้ชายก็หวังจะไม่ให้ผู้หญิงมายืนใกล้ที่ที่ตังเองนั่งจะได้ไม่ต้องลุกให้..ส่วนพนักงานขับรถเมล์แอร์ ในรถมีป้ายห้ามดูดบุหรี่ในรถ เม่งก็เปิดหน้าต่างแล้วยื่นหน้าไปดูดนอกรถ...เอากับมันซิ แล้วที่พูดนี่ไม่ใช่ตัวเองดีน่ะ บางครั้งเคยเหมือนกันที่ไม่ได้ลุกให้ใครนั่ง แล้วก็เคยเหมือนกันที่เห็นว่าข้างหลังมีที่นั่งแต่อีป้าก็มายืนคิดว่าให้นั่งยืนตั้งนานจนมีคนอื่นไปนั่งที่ว่างเลยต้องมายืนตลอดโดยที่หวังจะให้คนอื่นนั่ง...เพื่ออะไร....
ก็ที่คนซื้อรถมากขึ้นมากขึ้นมากขึ้น เพราะเค้าจะหลบหลีกจากพวกนี้ไม่ใช่หรือไง แล้วรัฐบาลก็รณรงค์ไปดิว่าให้มานั่งรถสาธาณะ ดูสถาพดิเม่งห่วยมากแล้วใครจะไปอยากนั่งว่ะ
ตราบใดที่ผู้ว่าฯ หรือแม้กระทั่งนายกฯ ไม่เคยนั่งรถสาธารณะ ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาไอ้พวกนี้ได้หรอก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น