วันพุธที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2556

LONG LIVE THE KING


๐๕ ๑๒ ๒๕๕๖
all copy right reserve

วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

4 Anniversary





เดือนนี้ เดือน 11 ถือว่ามีสิ่งดีดีหลายๆ อย่างที่ดีที่เกี่ยวกับตัวผม เรื่องนิดหน่อยๆ เนี่ยแหละ แต่มันสุขใจน่ะเรื่องแรก moderndog วงสุดเลิพได้มีเพลงใหม่ กับอั้ลบั้มใหม่ การ์ตูน jojo ออกเล่มใหม่ ในรอบเกือบ 2 ปีเลยมั่ง และวันนี้ วันที่ 21 พฤศจิกายน เป็นวันเกิดหงุดหงิด "ลูกสาว" หมาปั้กสุดน่าดำแต่โคตรน่ารัก ครบ 4 ขวบ (ปานนี้ตัวคงแน่น อ้วนน่าดูเลยมั่ง) คงไม่ต้องพูดถึงความรู้สึกอะไรมากมายอีกแล้วแหละกับหงุดหงิด เพราะทุกครั้งที่พูดถึงลูกสาวตัวนี้..."คิดถึง" "รัก" "อยากเจอ" เชื่อแน่ๆ ว่าเนื้อหาคงไม่พ้น สามคำนี้แน่นอน

แต่สิ่งที่อยากบอกคือ หงุดหงิด คือหมาที่มีอิทธิพลต่อชีวิตช่วงหลังๆ นี้อย่างมาก เพราะความผูกพันธ์ล้วนๆ ที่ทำให้เวลาผมไปเห็นหมาอื่นๆ ไม่ว่าจะมีเจ้าของ หรือข้างถนน ต้องอดที่จะไปเล่นไปเรียกไปทักไม่ได้ ผ่านร้านมาก็อดแวะไม่ได้ ถึงจะไม่ซื้อก็เหอะ ก็จะดูนู่นดูนี่ มีงานหมาก็เดินเล่นดูของ ล่าสุดกิจกรรมก่อนเข้าบ้าน เด๋วนี้ก็คือการเอาอาหารหมาไปให้หมาให้ซอย จนหมาในซอยจำได้ เวลาที่ขับรถเข้าซอยนี่ไม่ต้องห่วงเลย วิ่งตามมากันเป็นขบวน อดภูมิใจกับความเป็นหัวหน้าหมาประจำซอยไม่ได้จริงๆ :)))) 

4 ขวบ หงุดหงิดโตเป็นสาว 

"หงุดหงิด ฉันรักแกว่ะ คิดถึงมากๆ อยากกอดตัวกลมๆ ของแกเหลือเกิน รู้ไหมเวลาเดินไปไหนก็แล้วแต่ แล้วเจอของอะไรที่เป็นดีไซส์ลายหมาปั๊ก อดไม่ได้ที่จะซื้อน่ะ แต่รู้ไหมไม่มีลายไหนอันไหนที่ทำให้ฉันเลิกคิดถึงแกได้เลย ปีนี้เป็นอีกปีน่ะที่อยากจะบอกว่า อยากลืมฉันล่ะ รู้ไรไหม วันก่อนฉันไปเจอเจ้าพริกไทย เพื่อนแกด้วยน่ะ ได้เจอมันได้เล่นกะมัน ที่ดีใจคือปุ้ยมันบอกว่าดูเหมือนพริกไทยจะจำฉันได้ด้วย ดีใจที่พริกไทยจำได้ แล้วทำให้รู้สึกว่า หงุดหงิด ไอ้หมาน่าดำ แกคงไม่ลืมจำหรอกน่ะ ขอให้ไม่ลืมเหอะ วันนี้เป็นวันพิเศษไม่ใช่เฉพาะแกหรอกน่ะหงุดหงิด สำหรับฉันมันเป็นอีกวันพิเศษอันดับต้นๆ ของฉันเลยน่ะ ขอบคุณน่ะหงุดหงิด ขอบคุณที่ทำให้ฉันรักหมามากขึ้น รักสัว์ต่างๆ เพิ่มมากขึ้น เอาใจใส่หมา, แมว หรือสัตว์อื่นๆ มากขึ้น ซนน้อยๆ หน่อยน่ะเด๋วจะเจ็บขาขึ้นมาอีก ขอให้แกมีความสุขน่ะ ตอนนี้พ่อมีความสุขมากๆ เลยน่ะที่ได้เขียนบทความนี้ "คิดถึง" "รัก" "อยากเจอ" ยังไงๆ คำๆ นี้ก็ต้องมีอยู่แล้วแหละ แฮปปี้หงุดหงิดเดย์น่ะ"

ปล. ไม่ว่ายังไง แกก็เป็นลูกฉัน ความสัมพันธ์เราเป็นพ่อลูกมาตลอดเลยน่ะหงุดหงิด

รักมาก


วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ผมมัน "FAT"



ก่อนจะพบกับจุดเริ่มต้น มาพบกับบทสรุปของบทความนี้ก่อนล่ะกัน

"รายการวิทยุ FAT Radio ปิดตัวลง พรุ่งนี้ (25/10/13) 10 โมง"

ตกใจมาก ได้ฟังที่ดีเจ บอกแบบตั้งใจฟังก็ช่วงประมาณ สามทุ่ม ตกใจ……ตกใจอีกที

เริ่มที่ตอนสมัยมัธยม ช่วงนั้นก็ไม่ค่อยได้ฟังวิทยุสักเท่าไร จะฟังก็เป็นเทบเพลงไปเลย ก็ฟังเบเกอรี่บ้าง แกรมมี่บ้างปกติ วิทยุที่บ้านจะเปิดที่คลื่น ฮอตเวฟมาตลอด จนมีอยู่วัน ก็เปิดปกติไป แต่มาแปลกใจว่าเอ๊ะ เพลงที่เปิดมันแปลกๆ ว่ะ ดีเจไม่คุ้นหู ก็ไปดูที่หน้าปัด มันบอกตัวเลขเป็น "104.5" พอดีเจพูดว่านี่คลื่น 104.5 VFM ก็ได้รู้จักตั้งแต่ครั้งนั้น เพราะสุดท้ายแล้วก็ไม่ได้ไปเปิดคลื่นฮอตเวพกลับเพราะ ดีเจไม่ค่อยพูดมาก เปิดเพลงยาวๆ ฟังเพลินๆ มาก 
ฟังมาได้สักพักหลายเดือน จากที่คลื่น "VFM" ก็ได้กลายเป็น "FAT Radio" ตั้งแต่นั้นผมก็กลายเป็นเด็ก FAT ที่กำลังจะเริ่ม FAT อย่างเต็มตัว เพลงอย่างฮู้หู, เธอเป็นใคร, แต่งงาน, สายเกินไป, ฝน ฯลฯ เป็นอะไรที่ตื่นหูตื่นใจมาก ส่วนที่ภูมิใจนิดก็ตรงที่ผมเป็นส่วนหนึ่งของครั้งแรกในหลายๆ เหตุการณ์ เช่น "FATLIVE" ครั้งแรกกับ prudog "เล็กชิ้นสด" ครั้งแรกกับ โป้ YKPB และที่สำคัญที่สุด และเป็นอะไรที่ฝังใจกับความประทับใจมากที่สุด คืองาน ไฮเนเก้น แฟตเฟสติวัล งานแฟตครั้งแรก ที่โรงงานยาสูบ คือมันเจ๋งที่เราได้มีส่วนรวมคือการได้เปืดบูธขายของด้วย(จริงๆ เป็นบูธของพี่ชายกับเพื่อนเค้า) ครั้งแรกที่ได้ยินเพลงสายเกินไป ของ kidnapper แบบสดๆ เสียงหวานมาก หวานจนเดินที่เวที ครั้งแรกที่เห็นนักร้องนำของวง นู๋ kidnapper ไม่ว่าผ่านมากี่ปี ตอนนี้ยังฝังใจเลยพี่เค้าสวยมากกกก ชอบมาตั้งแต่ครั้งนั้น แถมเรายังได้เปิดบูธข้างๆ กับหนังสือแนวๆ เล็กๆ สมัยนั้น ที่ชื่อ "a day"!!!! อีกด้วย ได้เจอคนวาด joe ที่เป็นนักสืบปลาหมึก เดินชนกับพี่ป็อด แล้วให้พี่เค้าเซ็นต์มาที่เสื้อยึดวันนั้น ได้ลงไปดูกับวงพรู ที่ชั้นใต้ถุนของโรงงานแล้วจะจบที่วงโมเดินด็อก มันทั้งสดและดิบมากๆ ครั้งนั้น

หลังจากนั้นเวลาผ่านไป ก็ได้ฟังมาโดยตลอด จากระดับมัธยมไปเป็นระดับปริญญา..ไปเป็นวัยทำงาน ก็ฟังเรื่อยๆๆๆๆ มาจนมีเหตุการ์ณเปลี่ยนอีกจากที่เคยเป็นคลื่น 104.5 ก็เปลี่ยนมาเป็น 98.0 เปลี่ยนมาได้ประมาณเกือบ 2 ปี จนวันนี้..."รายการวิทยุ FAT Radio ปิดตัวลง พรุ่งนี้ (25/10/13) 10 โมง" ตกใจมาก เศร้าใจน่ะ แต่ไม่ถึงกลับเสียใจจนน้ำตาไหล แต่มันนอยๆ นอยที่เฮ้ย!! เพลงมันไม่ดีหรอว่ะ มันแย่ถึงกับที่ทำเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้ ความรู้สึกคล้ายๆ กับที่หนังสือ DDT มันปิดตัว แล้วที่สำคัญนอยที่จะไม่ได้มีฟังอีก ถึงแม้..ถึงแม้ FAT จะบอกว่า"ยัง"สามารถฟังออนไลน์ได้ แต่มันคงไม่เหมือนเดิมอีกแน่นอน และการเปลี่ยนครั้งนี้ทำให้ผมเซ็งสุดขีดเพราะโทรศัพท์ผมมันจะไปฟังออนไลน์ได้ที่ไหน T_T (รุ่นเก่าโฮก) จะให้ไปฟังคลื่นอื่น บอกตามตรงฟังไม่ได้จริงๆ มันไม่รู้สึกอินและไม่เข้าใจคลื่นอื่นเลย ฟังโฆษณาใน FAT ยังฟังเพลินกว่าทีคลื่นอื่นเปิดเพลงอีกน่ะ พูดจริงๆ 

ขอบคุณมากที่เปิดรูหูของผมไปพร้อมๆ กลับแง้มกะลาของผมให้เจอกับเพลงที่รู้ว่าเฮ้ย เม่งเจ๋งเนอะ ดีว่ะ ตรงใจกับเราว่ะ FAT ทำให้การฟังเพลงของผมเกิดมิติหลายๆ อย่าง ขอบคุณน่ะ
ปล.แล้วผมจะขอเพลง​"สิ่งดีดี" ของ goose ได้ที่คลื่นไหนอีกล่ะฮะ
ปล.2 ฟังผ่านออนไลน์ ผ่าน APP ได้ นี่คงเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญมากๆๆ ในการซื้อสมาร์ทโฟน เพราะมือถือผมที่ใช้อยู่มันไม่ค่อยจะสมาร์ทสักเท่าไร

โตโต(มาด้วยกัน) มันมัน(มาด้วยกัน)

รักที่จะ "FAT"

วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เสมือนจริง

เรื่องมีอยู่ว่า ก่อนหน้านี้ประมาณเดือน 10 ของปี 2555 ได้ออกจากงานจากบริษัทชื่อดังย่านลาดพร้าวซอย 1 ในระหว่างนั้นก็มีบ้างที่หย่อนใบสมัครไปตามบริษัทที่อยากทำ และใกล้บ้านบ้าง
แล้ววันหนึ่งก็มีบริษัท....(จำไม่ได้แหละ) แต่เป็นบริษัทที่ทำด้านความงามคล้ายๆ พวกวุฒิศักดิ์ ชื่อว่า "LA GRACE" เหตุผลที่อยากทำอันนี้ไม่ได้คิดจะเล่า แต่จะเล่าเรื่องต่อไปนี้

ตอนสมัครก็คุยกันปกติน่ะ แล้วก็มีงานให้มาเป็นการบ้านให้ทำ ก็คือให้เราออกแบบโปรเตอร์มา 1 ชิ้น โดยที่ทางเค้าอยากให้เราหารูป ผู้หญิง ที่เราคิดว่าเหมาะสมกับ "LA GRACE" คือประมาณว่า เราคิดว่า "LA GRACE"เหมาะกับสาวอารมณ์แบบไหน (สาวเอเชีย ผิวแทน ผิวขาว อะไรก็ว่าไป) แค่นั้นที่เค้าอยากทดสอบเรา

ก็หลังจากคุยกันเสร็จเรียบร้อย กลับมาบ้าน ก็มาเปิดเวบเค้าเพื่อจะหารูป สินค้าจริงๆ ของเค้า แล้วเอาโลโก้ เค้ามาใช้ จะได้รู้สึกเห็นภาพมากกว่าจะมานั่ง พิมพ์ NONONONO แทน มันไม่จ็าบ (ความคิดผมน่ะ) แล้วช่วงเวลาสำคัญ ก็มาถึงคือช่วงที่หารูปผู้หญิงที่คิดว่าเหมาะกับ "LA GRACE"
ผมก็หาจากเวบที่ขายรูปปกติ อย่าง "shutterstok หรือ "istockphoto" เพราะเผื่อเราได้ทำงานที่เค้าจริงๆ เราก็ให้เค้าชื้อรูปที่เราใช้มาทำได้เลย (คิดไปนู่น 55)
โดยที่ผมทำไป 2 แบบ แบบล่ะ 2 รูป ดังที่เห็นจากรูปนี้

คลิ๊กรูปจะขยายมาดูได้

แต่หลังจากที่ส่งงาน test ตัวนี้ไปนั้น ผมก็....ไม่ได้รับการติดต่ออะไรอีกเลย 555 สรุปคือเค้าไม่เอาไม่จ้างนั่นเอง (เย้ยย)

แล้วเมื่อไม่นานมานี้ บังเอิญ ผมได้ทำงานแถวแจ้งวัฒนะ และได้เดินเล่นที่เซ็นทรัล แจ้งฯ ก็เดินไปเจอร้าน "LA GRACE" นี่แหละ ชั้นสาม ก็ไปเห็นป้ายนี้


รูปซ้าย เป็นรูปสติ๊กเกอร์ติดผนัง รูปขวาเป็น standy ตั้งอยู่หน้าร้าน


คุ้นๆ ไหมฮะ คุ้นๆ กับงานที่ผมเคยทำตอนที่เค้าให้การบ้านผมไหม คือโอเค สีผมตั้งใจเอามาจากสีที่เค้าใช้ในเวบ แต่รูปที่เค้าเลือกใช้ และการวาง นี่มันประจวบเหมาะชิบหายเลยครับ
คือ ถ้าพูดแบบฮาๆ คือรูปมันก็ไม่ใช่ของผมน่ะ เค้าอาจจะไปเจอรูปเหมือนที่ผมเจอแล้วเอามาใช้ก็ได้ แต่มันอดไม่ได้ที่คิดว่า ทำไมต้องเหมือนของกูเลยว่ะ (เริ่มขึ้นกูแหละ)

จะบอกว่าเวลาเรา test งานให้เค้า แล้วงานจะกลายเป็นของเค้าแบบนี้น่ะหรอ มันใช่เรื่องป่ะ
ที่มาโพสนี่กะเอาฮาๆ มากกว่าน่ะ คิดในแง่ดีๆ ว่าเม่งเออ...ที่เราทำมีคนชอบเอาไปใช้งานด้วย ดีน่ะ ไม่เสียแรง แต่เม่งเสียความรู้สึกที่มันคล้ายซะจนกูโอโห้ 

หรือเพราะเราขอเงินเดือนเยอะไป????

ขณะนั้น


คนเรานี่มันเห็นแก่ตัวทุกคนแหละ ไม่ว่าจะเรื่องสังคม แย่งชิงการงาน อาหาร เงินทอง สิ่งต่างๆ ไม่พ้นเรื่องความรัก คนเราทำอะไรก็มีเหตุผลเข้าข้างตัวเองกันหมด
รักใครก็อยากให้เค้ารักตอบ รักใครก็อยากให้เค้ามีความสุข ถึงเราไม่ได้อยากให้เค้ารักตอบ แต่เราก็มีบางอย่างที่เราอยากได้ตอบแทนคืนมา บางอย่างที่ทำให้เรามีความสุข ไม่มีใครหรอก ที่ไม่มีความสุขแล้วยังคิดจะทำต่อไป

เรื่องกระวนกระวายใจ เรื่องของความรู้สึก บางครั้งการแสดงโกรธ เมินเฉย มันก็คือการแสดงออกมาเราต้องการให้เค้ารู้ใช่ไหม ถ้าเค้าไม่รู้ล่ะ ถ้าเค้าไม่สนใจล่ะ สิ่งที่ทำได้คืออะไร เราจะเรียกร้องความสนใจ จากคนที่เราอยากให้เค้าสนใจเราได้ยังไง ร้องไห้ ต่อว่า พูดเสียงดัง หรือทำร้ายตัวเอง แต่ลึกๆ แล้วสิ่งที่เราทำสิ่งพวกนี้ออกมา เพราะเราใส่ใจกับเค้าต่างหาก ...หรือเพราะเราใส่ใจเค้ามากเกินความพอดี เกินที่จะเป็นตัวของตัวเอง 

เกินพอดีของเรา เลยทำให้เกินพอดีของเค้า

วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556

แก้คิดถึง


Screen shot 2013-06-03 at 12.02.52 AM

วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

สิ่งที่เป็นกับสิ่งที่เห็น


....วันธรรมดาที่ตื่นเช้ามาไปทำงานปกติ ขับรถไปทำงาน ซึ่งโดยปกติแล้วผมจะขับผ่านไร่ ผ่านสวนผลไม้แถวบ้าน เพราะจะไปทางลัดซึ่งจะออกไปถนนใหญ่ โดยที่เวลาผ่านมักจะเจอสัตว์ผ่านถนนบ่อยๆ โดยเฉพาะ "ตัวเงินตัวทอง" หรือที่ใครๆ พูดว่า "ตัวเหี้ย" นี่แหละ

แต่วันนี้ต่างกันออกไป ขับรถไปสักพักก็เห็นคนแก่อายุประมาณสัก 70 นั่งอยู่ริมถนน ก็ไม่ได้เอ๊ะใจอะไร ก็ขับช้าๆ คอยสังเกตผ่านออกไป แต่พอผ่านไปหันหน้าไปเห็นตอนเค้านั่งอยู่ โดยที่มีมือประคองปากลุงแกแล้วเลือดเลอะเต็มพื้นไปหมด..แต่ตัวเองก็ปล่อยรถไหลช้าผ่านไปแบบงงๆ ทำไรไม่ถูก แล้วพอเลี้ยวไปตามทางปกติ ก็เห็นผู้ชายกำลังยืนโทรศัพท์อยู่ รถเค้าจอดอยู่ข้างๆ ถนน....ตัวผม เม่งก็ยัง งงประมวลเหตุการ์ณบ้าๆ บอๆ อยู่แล้วคิดว่า"พี่คนที่คุยโทรศัพท์ขับเฉี่ยวหรือชนลุงคนนั้น" เพราะถนนที่นี่มันเงียบไม่ค่อยมีรถผ่านอาจจะขับมาเร็วๆ ไม่ได้ระวัง คิดต่อไปอีกว่า "ทำไมพี่เค้าไม่พาไปรพ.ว่ะ ทำไมโทรหาใครอยู่ โทรหาประกันหรอ ไม่ห่วงลุงแกหรือไงว่ะ"

....ระหว่างที่คิด ผมก็ขับรถห่างออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งรู้สึกว่า มึงควรจะไปดูหน่อยไหม คือถ้าผมขับผ่านไปต้องอึดอัดตายแน่ๆ ที่ทำตัวได้นิ่งเฉยมากๆ พอคิดเดี๋ยวนั้นก็กลับรถแล้วย้อนกลับไป ขับไปยังเห็นลุงแกนั่งข้างถนนอยู่(ตากแดด) ผมก็ยังไม่กล้าลงจากรถเผื่อเกิดอะไรขึ้นมา ก็ขับไปประชิดแก แล้วถามว่า "ลุง ลุงเป็นไรอ่ะ ไหวไหมฮะ เกิดไรขึ้น" พอจบประโยค พี่ที่คุยโทรศัพท์ก็เคาะกระจก ผมเปิดออกแล้ว พี่ก็พูดว่า "สงสัยลุงเหนื่อย ล้มลงไป หน้าคงไปฟาดพื้นมั่ง เนี่ยผมตามศูนย์นเรธรมาแล้ว สักพักแหละ" ผมก็ได้พูดครับๆ แล้วมากระซิบถามลุงว่า ลุงเป็นไร โดนเฉี่ยวหรอหรือว่ารถมันชน ลุงก็บอกกลับมาว่า "ลุงล้ม เหนื่อย ร้อนแดดเนี่ย" ก็เลยลงจากรถแล้ว(แบก)ประคองลุงที่นั่งตากแดด ไปนั่งร่มๆ ใต้เงาต้นไม้แทน พอประคองนู่นนั่นนี่เสร็จ ก็บอกก็พี่เค้าว่า "ขอบคุณมากพี่" พี่เค้าก็ไม่ได้อะไรแล้วบอกว่าไม่เป็นไร น้องไปเหอะ เด๋วพี่จัดการเอง................


หลังเหตุการ์ณระหว่างขับรถไปทำงานอีกที มานั่งนึก 
ทำไมกูไม่ให้น้ำเย็นๆ ที่มีอยู่ให้กับลุงแกไป
ทำไมกูถึงคิดว่าพี่เค้าจะเป็นคนเฉี่ยวลุงคนนั้น
ทำไมกูยังคิดต่อไปว่าพี่เค้าไม่ห่วงลุงเลยไม่พาไปรพ.
แล้วทำไมคนที่ด่าแต่พี่เค้าอย่างผมเนี่ยถึงไม่ลงไปหาลุงทันทีที่เห็น 
ทำไมต้องขับผ่านไป กว่าจะรู้สึกก็กลับรถ
ทำไมมึงดีแต่ปาก

รู้ตัวเองเลยว่าที่คิดว่าตัวเองมองโลกในแง่ดีมาโดยตลอด ตอนนี้เม่งไม่ใช่เลย ไม่ใช่เลยเหอะ กูเหี้ยมาก เราควรจะให้น้ำลุงกินหรือลูบหน้าลูบตา มากกว่าที่จะคอยจับผิดพี่เค้าหรือเปล่าว่ะ มันเหี้ยตรงที่เราเม่งมัวด่าเค้าระแวงเค้าในขณะที่ตัวเองขับรถผ่านออกไป.............แล้วจะรู้สึกเหี้ยกว่านี้อีก ถ้าผมไม่ขับรถกลับมา....เราควรจะทำอะไรๆ ให้มันดีกว่านี้หรือเปล่าว่ะ

แต่ไม่ว่ายังไง ขออย่าให้มีเหตุการณ์แบบนี้อีกเลย ไม่ใช่ไม่อยากแก้ตัวน่ะ แต่มันไม่มีเรื่องแย่ๆ แบบนี้ เม่งจะดีกว่าใช่ป่ะ

วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2556

Byrd's Day 2013


- สิ่งที่ฉันมี -

วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

untitled text

ตีสองกว่าๆ นอนไม่หลับ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่รู้สึกว่าตัวเองงี่เง่า วุ่นวายมาก...เปิดคอม นั่งดูรูปหงุดหงิด ว่าจะหารูปมาวาดเหมือนกับที่ทำปกติ

ตอนนี้วาดไปได้ประมาณ 20 กว่ารูปแหละ ยิ่งวาดยิ่งเพลิน ยิ่งวาดยิ่งคิดถึง ช่วงเวลาที่วาด รู้สึกดีที่ได้ใจจดใจจ่ออยู่กับสิ่งๆ หนึ่ง ไม่ฟุ่งซ่านกับเรื่องอื่นๆ แต่ วันนี้รูปที่กำลังจะวาดจากรูปของหงุดหงิด ฉันเริ่มวาดไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว วาดไม่ได้ดั่งใจ วาดเหมือนไม่มีอะไรอยู่ในรูปเลย เคยคิดไว้น่ะ ว่าเรื่องแบบนี้คงต่อเกิดสักวัน แต่ไม่คิดเลย ว่ามันจะเกิดขึ้นโคตรเร็วแบบนี้ สารภาพว่าจำตัวเลขไม่ได้แล้วว่า ได้เจอหงุดหงิดครั้งสุดท้ายเมื่อไร แต่ก็ขอสารภาพอีกว่ายังจำวันนั้นได้อยู่ ตอนที่หงุดหงิดนอน เรายังไปหนุนพุงแกล้งมันอยู่เลย แต่มันไม่หนีไปไหนน่ะ ยังอยู่ใกล้ให้แกล้งตลอด :)))

ไม่รู้ว่าจะกลับมาวาดได้อีกเมื่อไร กลับมาวาดได้ดั่งที่ใจอยากให้มันเป็น ขอเถอะ ขอให้วันนี้วันที่วาดรูปหงุดหงิดไม่ได้ เป็นแค่อารมณ์วันนี้เท่านั้น อย่าเลย อย่าได้เป็นสิ่งถาวรเลย ไม่งั้น.....

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556

FaceTime


วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556

drawing



all copy right reserve

วันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2556