วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ผมมัน "FAT"



ก่อนจะพบกับจุดเริ่มต้น มาพบกับบทสรุปของบทความนี้ก่อนล่ะกัน

"รายการวิทยุ FAT Radio ปิดตัวลง พรุ่งนี้ (25/10/13) 10 โมง"

ตกใจมาก ได้ฟังที่ดีเจ บอกแบบตั้งใจฟังก็ช่วงประมาณ สามทุ่ม ตกใจ……ตกใจอีกที

เริ่มที่ตอนสมัยมัธยม ช่วงนั้นก็ไม่ค่อยได้ฟังวิทยุสักเท่าไร จะฟังก็เป็นเทบเพลงไปเลย ก็ฟังเบเกอรี่บ้าง แกรมมี่บ้างปกติ วิทยุที่บ้านจะเปิดที่คลื่น ฮอตเวฟมาตลอด จนมีอยู่วัน ก็เปิดปกติไป แต่มาแปลกใจว่าเอ๊ะ เพลงที่เปิดมันแปลกๆ ว่ะ ดีเจไม่คุ้นหู ก็ไปดูที่หน้าปัด มันบอกตัวเลขเป็น "104.5" พอดีเจพูดว่านี่คลื่น 104.5 VFM ก็ได้รู้จักตั้งแต่ครั้งนั้น เพราะสุดท้ายแล้วก็ไม่ได้ไปเปิดคลื่นฮอตเวพกลับเพราะ ดีเจไม่ค่อยพูดมาก เปิดเพลงยาวๆ ฟังเพลินๆ มาก 
ฟังมาได้สักพักหลายเดือน จากที่คลื่น "VFM" ก็ได้กลายเป็น "FAT Radio" ตั้งแต่นั้นผมก็กลายเป็นเด็ก FAT ที่กำลังจะเริ่ม FAT อย่างเต็มตัว เพลงอย่างฮู้หู, เธอเป็นใคร, แต่งงาน, สายเกินไป, ฝน ฯลฯ เป็นอะไรที่ตื่นหูตื่นใจมาก ส่วนที่ภูมิใจนิดก็ตรงที่ผมเป็นส่วนหนึ่งของครั้งแรกในหลายๆ เหตุการณ์ เช่น "FATLIVE" ครั้งแรกกับ prudog "เล็กชิ้นสด" ครั้งแรกกับ โป้ YKPB และที่สำคัญที่สุด และเป็นอะไรที่ฝังใจกับความประทับใจมากที่สุด คืองาน ไฮเนเก้น แฟตเฟสติวัล งานแฟตครั้งแรก ที่โรงงานยาสูบ คือมันเจ๋งที่เราได้มีส่วนรวมคือการได้เปืดบูธขายของด้วย(จริงๆ เป็นบูธของพี่ชายกับเพื่อนเค้า) ครั้งแรกที่ได้ยินเพลงสายเกินไป ของ kidnapper แบบสดๆ เสียงหวานมาก หวานจนเดินที่เวที ครั้งแรกที่เห็นนักร้องนำของวง นู๋ kidnapper ไม่ว่าผ่านมากี่ปี ตอนนี้ยังฝังใจเลยพี่เค้าสวยมากกกก ชอบมาตั้งแต่ครั้งนั้น แถมเรายังได้เปิดบูธข้างๆ กับหนังสือแนวๆ เล็กๆ สมัยนั้น ที่ชื่อ "a day"!!!! อีกด้วย ได้เจอคนวาด joe ที่เป็นนักสืบปลาหมึก เดินชนกับพี่ป็อด แล้วให้พี่เค้าเซ็นต์มาที่เสื้อยึดวันนั้น ได้ลงไปดูกับวงพรู ที่ชั้นใต้ถุนของโรงงานแล้วจะจบที่วงโมเดินด็อก มันทั้งสดและดิบมากๆ ครั้งนั้น

หลังจากนั้นเวลาผ่านไป ก็ได้ฟังมาโดยตลอด จากระดับมัธยมไปเป็นระดับปริญญา..ไปเป็นวัยทำงาน ก็ฟังเรื่อยๆๆๆๆ มาจนมีเหตุการ์ณเปลี่ยนอีกจากที่เคยเป็นคลื่น 104.5 ก็เปลี่ยนมาเป็น 98.0 เปลี่ยนมาได้ประมาณเกือบ 2 ปี จนวันนี้..."รายการวิทยุ FAT Radio ปิดตัวลง พรุ่งนี้ (25/10/13) 10 โมง" ตกใจมาก เศร้าใจน่ะ แต่ไม่ถึงกลับเสียใจจนน้ำตาไหล แต่มันนอยๆ นอยที่เฮ้ย!! เพลงมันไม่ดีหรอว่ะ มันแย่ถึงกับที่ทำเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้ ความรู้สึกคล้ายๆ กับที่หนังสือ DDT มันปิดตัว แล้วที่สำคัญนอยที่จะไม่ได้มีฟังอีก ถึงแม้..ถึงแม้ FAT จะบอกว่า"ยัง"สามารถฟังออนไลน์ได้ แต่มันคงไม่เหมือนเดิมอีกแน่นอน และการเปลี่ยนครั้งนี้ทำให้ผมเซ็งสุดขีดเพราะโทรศัพท์ผมมันจะไปฟังออนไลน์ได้ที่ไหน T_T (รุ่นเก่าโฮก) จะให้ไปฟังคลื่นอื่น บอกตามตรงฟังไม่ได้จริงๆ มันไม่รู้สึกอินและไม่เข้าใจคลื่นอื่นเลย ฟังโฆษณาใน FAT ยังฟังเพลินกว่าทีคลื่นอื่นเปิดเพลงอีกน่ะ พูดจริงๆ 

ขอบคุณมากที่เปิดรูหูของผมไปพร้อมๆ กลับแง้มกะลาของผมให้เจอกับเพลงที่รู้ว่าเฮ้ย เม่งเจ๋งเนอะ ดีว่ะ ตรงใจกับเราว่ะ FAT ทำให้การฟังเพลงของผมเกิดมิติหลายๆ อย่าง ขอบคุณน่ะ
ปล.แล้วผมจะขอเพลง​"สิ่งดีดี" ของ goose ได้ที่คลื่นไหนอีกล่ะฮะ
ปล.2 ฟังผ่านออนไลน์ ผ่าน APP ได้ นี่คงเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญมากๆๆ ในการซื้อสมาร์ทโฟน เพราะมือถือผมที่ใช้อยู่มันไม่ค่อยจะสมาร์ทสักเท่าไร

โตโต(มาด้วยกัน) มันมัน(มาด้วยกัน)

รักที่จะ "FAT"

วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เสมือนจริง

เรื่องมีอยู่ว่า ก่อนหน้านี้ประมาณเดือน 10 ของปี 2555 ได้ออกจากงานจากบริษัทชื่อดังย่านลาดพร้าวซอย 1 ในระหว่างนั้นก็มีบ้างที่หย่อนใบสมัครไปตามบริษัทที่อยากทำ และใกล้บ้านบ้าง
แล้ววันหนึ่งก็มีบริษัท....(จำไม่ได้แหละ) แต่เป็นบริษัทที่ทำด้านความงามคล้ายๆ พวกวุฒิศักดิ์ ชื่อว่า "LA GRACE" เหตุผลที่อยากทำอันนี้ไม่ได้คิดจะเล่า แต่จะเล่าเรื่องต่อไปนี้

ตอนสมัครก็คุยกันปกติน่ะ แล้วก็มีงานให้มาเป็นการบ้านให้ทำ ก็คือให้เราออกแบบโปรเตอร์มา 1 ชิ้น โดยที่ทางเค้าอยากให้เราหารูป ผู้หญิง ที่เราคิดว่าเหมาะสมกับ "LA GRACE" คือประมาณว่า เราคิดว่า "LA GRACE"เหมาะกับสาวอารมณ์แบบไหน (สาวเอเชีย ผิวแทน ผิวขาว อะไรก็ว่าไป) แค่นั้นที่เค้าอยากทดสอบเรา

ก็หลังจากคุยกันเสร็จเรียบร้อย กลับมาบ้าน ก็มาเปิดเวบเค้าเพื่อจะหารูป สินค้าจริงๆ ของเค้า แล้วเอาโลโก้ เค้ามาใช้ จะได้รู้สึกเห็นภาพมากกว่าจะมานั่ง พิมพ์ NONONONO แทน มันไม่จ็าบ (ความคิดผมน่ะ) แล้วช่วงเวลาสำคัญ ก็มาถึงคือช่วงที่หารูปผู้หญิงที่คิดว่าเหมาะกับ "LA GRACE"
ผมก็หาจากเวบที่ขายรูปปกติ อย่าง "shutterstok หรือ "istockphoto" เพราะเผื่อเราได้ทำงานที่เค้าจริงๆ เราก็ให้เค้าชื้อรูปที่เราใช้มาทำได้เลย (คิดไปนู่น 55)
โดยที่ผมทำไป 2 แบบ แบบล่ะ 2 รูป ดังที่เห็นจากรูปนี้

คลิ๊กรูปจะขยายมาดูได้

แต่หลังจากที่ส่งงาน test ตัวนี้ไปนั้น ผมก็....ไม่ได้รับการติดต่ออะไรอีกเลย 555 สรุปคือเค้าไม่เอาไม่จ้างนั่นเอง (เย้ยย)

แล้วเมื่อไม่นานมานี้ บังเอิญ ผมได้ทำงานแถวแจ้งวัฒนะ และได้เดินเล่นที่เซ็นทรัล แจ้งฯ ก็เดินไปเจอร้าน "LA GRACE" นี่แหละ ชั้นสาม ก็ไปเห็นป้ายนี้


รูปซ้าย เป็นรูปสติ๊กเกอร์ติดผนัง รูปขวาเป็น standy ตั้งอยู่หน้าร้าน


คุ้นๆ ไหมฮะ คุ้นๆ กับงานที่ผมเคยทำตอนที่เค้าให้การบ้านผมไหม คือโอเค สีผมตั้งใจเอามาจากสีที่เค้าใช้ในเวบ แต่รูปที่เค้าเลือกใช้ และการวาง นี่มันประจวบเหมาะชิบหายเลยครับ
คือ ถ้าพูดแบบฮาๆ คือรูปมันก็ไม่ใช่ของผมน่ะ เค้าอาจจะไปเจอรูปเหมือนที่ผมเจอแล้วเอามาใช้ก็ได้ แต่มันอดไม่ได้ที่คิดว่า ทำไมต้องเหมือนของกูเลยว่ะ (เริ่มขึ้นกูแหละ)

จะบอกว่าเวลาเรา test งานให้เค้า แล้วงานจะกลายเป็นของเค้าแบบนี้น่ะหรอ มันใช่เรื่องป่ะ
ที่มาโพสนี่กะเอาฮาๆ มากกว่าน่ะ คิดในแง่ดีๆ ว่าเม่งเออ...ที่เราทำมีคนชอบเอาไปใช้งานด้วย ดีน่ะ ไม่เสียแรง แต่เม่งเสียความรู้สึกที่มันคล้ายซะจนกูโอโห้ 

หรือเพราะเราขอเงินเดือนเยอะไป????

ขณะนั้น


คนเรานี่มันเห็นแก่ตัวทุกคนแหละ ไม่ว่าจะเรื่องสังคม แย่งชิงการงาน อาหาร เงินทอง สิ่งต่างๆ ไม่พ้นเรื่องความรัก คนเราทำอะไรก็มีเหตุผลเข้าข้างตัวเองกันหมด
รักใครก็อยากให้เค้ารักตอบ รักใครก็อยากให้เค้ามีความสุข ถึงเราไม่ได้อยากให้เค้ารักตอบ แต่เราก็มีบางอย่างที่เราอยากได้ตอบแทนคืนมา บางอย่างที่ทำให้เรามีความสุข ไม่มีใครหรอก ที่ไม่มีความสุขแล้วยังคิดจะทำต่อไป

เรื่องกระวนกระวายใจ เรื่องของความรู้สึก บางครั้งการแสดงโกรธ เมินเฉย มันก็คือการแสดงออกมาเราต้องการให้เค้ารู้ใช่ไหม ถ้าเค้าไม่รู้ล่ะ ถ้าเค้าไม่สนใจล่ะ สิ่งที่ทำได้คืออะไร เราจะเรียกร้องความสนใจ จากคนที่เราอยากให้เค้าสนใจเราได้ยังไง ร้องไห้ ต่อว่า พูดเสียงดัง หรือทำร้ายตัวเอง แต่ลึกๆ แล้วสิ่งที่เราทำสิ่งพวกนี้ออกมา เพราะเราใส่ใจกับเค้าต่างหาก ...หรือเพราะเราใส่ใจเค้ามากเกินความพอดี เกินที่จะเป็นตัวของตัวเอง 

เกินพอดีของเรา เลยทำให้เกินพอดีของเค้า