บทที่ 6 น้อยแต่มาก
ตื่นมา 8 โมงครึ่ง นั่งๆ นอนๆ บิดตัวสักพัก เรียกพนักงานมาเก็บเตียง(เร็วเหมือนเดิม) ดูวิวออกไปข้างนอกหน้าต่าง จากที่มีอะไรๆ เต็มๆ และตึกสูงๆค่อยกลายเป็น เล็กๆ โล่งๆ จะมีสูงๆ ก็ต้นไม้นี่แหละ จากอึดอัดสู่ความปลอดโปร่ง
และแล้วก็มาถึง ประมาณ 9 โมงครึ่ง พอมาถึงสถานนีหนองคาย แน่นอน สิ่งหนึ่งที่ไม่พลาด..เข้าห้องน้ำต่ออีก 1 ดอก 555+ (เรื่องคี่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับผมจริงๆ ) จากสถานนีนี้เราต้องลงไปต่อรถไฟไปสถานนีท่านาแล้ง ซึ่งเป็นเที่ยวที่ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว เป็นรถไฟชั้น 3 ราคา 20 บาท แอร์เพิ่มอีก 10 บาท ที่สำคัญสำหรับคนที่ยังไม่มีพาสปอร์ตเฉกเช่นผมให้ไปทำใบผ่านแดนชั่วคราว ไม่รู้ทำที่ไหนบอกพนักงานรถไฟไปเลยเพราะเด๋วเขาจัดเป็นธุระให้ ก็เสียค่าจ้างด้วยน่ะ ประมาณ 100 บาท อยู่ได้ 3 วันครับ ไม่ยุ่งยากเท่าไร เอาบัตรประชาชน กะเงิน 100 บาทแล้วรอแค่นั้น กลับมาที่รถไฟขบวนนี้ต่อ รถไฟไปทุ่งนาแล้งจะมีวันล่ะ 2 รอบเท่านั้น คือรอบ 10 โมง กับรอบ 4 โมงเย็นเลย แต่ไม่ต้องกลัว เพราะยังไงๆ เขาจะรอให้นักท่องเที่ยวทำเรื่องตรวจเข้าเมือง ซื้อตั๋ว ให้ครบทุกคนอยู่แล้ว…บนรถไฟ ส่วนใหญ่ก็มีชาวต่างชาติซะมากกว่ามีตำรวจของลาวด้วย(การแต่งตัวไม่ค่อยเนี๊ยบเท่ากับไทยเท่าไร ตือประมาณว่าไม่ตึงๆ เท่า ดูไม่น่าเกรงขามเท่าไรในสายตาผมน่ะ) มาที่ไฮไลท์ บนรถไฟกำลังข้ามแม่น้ำโขงโดยที่เราอยู่บนรางซึ่งอยู่ตรงกลางของรถไฟ โดยที่ระหว่างรถไฟวิ่ง สะพานจะไม่ให้ รถยนต์ผ่านเลย เพราะความกว้างของสะพานไม่ได้ใหญ่เท่าไร ประมาณสะพานซั้งฮี้บ้านเราได้มั่ง เอาเข้าจริงๆ ไฮไลท์นี่ก็ไม่มีอะไรมากมาย แต่มันมากมายก็ตรงที่ข้ามไปต่างประเทศนี่แหละ จากประเทศหนึ่งไปอีกประเทศหนึ่งเลยน่ะ มากมายป่ะล่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น