วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ธุรกิจ+น้ำใจ
วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ทดไว้ในบล็อก (4)
วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2552
คืนวันศุกร์
คืนวันศุกร์(Friday Night) - Saliva bastards
ทุกคืนวันศุกร์ ฉันนอนไม่ค่อยจะหลับ
ฉันออกไปเที่ยวกลางคืนถ้าไปเที่ยวผับฉันคงยืนเต้นคนเดียว
* อยากจะพบกับเธอจัง อยากจะพบกับเธอจัง
อยากจะรู้ว่าเป็นไง อยากให้รู้ว่าสนใจ
อยากจะพบอยากรู้จัก อยากจะพบอยากรู้จักแต่ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง
ถ้าเธอรีบกลับฉันคงไม่ค่อยสนุก
ไม่อยากยืน เก้อลำพัง
อยากขอวอนเธอหน่อย ฉันคอยเธออยู่คนเดียว
Laos Town Story (ตะลอนลาว) ตอน เวียงจันทร์กันเอง
บทที่ 6 น้อยแต่มาก
ตื่นมา 8 โมงครึ่ง นั่งๆ นอนๆ บิดตัวสักพัก เรียกพนักงานมาเก็บเตียง(เร็วเหมือนเดิม) ดูวิวออกไปข้างนอกหน้าต่าง จากที่มีอะไรๆ เต็มๆ และตึกสูงๆค่อยกลายเป็น เล็กๆ โล่งๆ จะมีสูงๆ ก็ต้นไม้นี่แหละ จากอึดอัดสู่ความปลอดโปร่ง
และแล้วก็มาถึง ประมาณ 9 โมงครึ่ง พอมาถึงสถานนีหนองคาย แน่นอน สิ่งหนึ่งที่ไม่พลาด..เข้าห้องน้ำต่ออีก 1 ดอก 555+ (เรื่องคี่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับผมจริงๆ ) จากสถานนีนี้เราต้องลงไปต่อรถไฟไปสถานนีท่านาแล้ง ซึ่งเป็นเที่ยวที่ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว เป็นรถไฟชั้น 3 ราคา 20 บาท แอร์เพิ่มอีก 10 บาท ที่สำคัญสำหรับคนที่ยังไม่มีพาสปอร์ตเฉกเช่นผมให้ไปทำใบผ่านแดนชั่วคราว ไม่รู้ทำที่ไหนบอกพนักงานรถไฟไปเลยเพราะเด๋วเขาจัดเป็นธุระให้ ก็เสียค่าจ้างด้วยน่ะ ประมาณ 100 บาท อยู่ได้ 3 วันครับ ไม่ยุ่งยากเท่าไร เอาบัตรประชาชน กะเงิน 100 บาทแล้วรอแค่นั้น กลับมาที่รถไฟขบวนนี้ต่อ รถไฟไปทุ่งนาแล้งจะมีวันล่ะ 2 รอบเท่านั้น คือรอบ 10 โมง กับรอบ 4 โมงเย็นเลย แต่ไม่ต้องกลัว เพราะยังไงๆ เขาจะรอให้นักท่องเที่ยวทำเรื่องตรวจเข้าเมือง ซื้อตั๋ว ให้ครบทุกคนอยู่แล้ว…บนรถไฟ ส่วนใหญ่ก็มีชาวต่างชาติซะมากกว่ามีตำรวจของลาวด้วย(การแต่งตัวไม่ค่อยเนี๊ยบเท่ากับไทยเท่าไร ตือประมาณว่าไม่ตึงๆ เท่า ดูไม่น่าเกรงขามเท่าไรในสายตาผมน่ะ) มาที่ไฮไลท์ บนรถไฟกำลังข้ามแม่น้ำโขงโดยที่เราอยู่บนรางซึ่งอยู่ตรงกลางของรถไฟ โดยที่ระหว่างรถไฟวิ่ง สะพานจะไม่ให้ รถยนต์ผ่านเลย เพราะความกว้างของสะพานไม่ได้ใหญ่เท่าไร ประมาณสะพานซั้งฮี้บ้านเราได้มั่ง เอาเข้าจริงๆ ไฮไลท์นี่ก็ไม่มีอะไรมากมาย แต่มันมากมายก็ตรงที่ข้ามไปต่างประเทศนี่แหละ จากประเทศหนึ่งไปอีกประเทศหนึ่งเลยน่ะ มากมายป่ะล่ะ
วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552
Laos Town Story (ตะลอนลาว) ตอน เวียงจันทร์กันเอง
บทที่ 5 แบ่งไฟไปสปาร์ก
นั่งออกมาได้สักพัก หลังจากอิ่มมาม่า…ก็เริ่มไม่มีอะไรทำ วิวนอกหน่าต่างก็มืดจนไม่เห็นอะไรเลยพยายามอยากให้นอนเร็วๆ เพราะพรุ่งนี้ต้องเหนื่อย (แต่สนุก) แน่นอน นั่งดูพนักงานบนรถไฟเริ่มมาจัดที่นอนให้ …..คล่องมาก แปปๆ เสร็จ แปปๆ เสร็จ เซียนมาก เนี้ยบด้วยน่ะ ผ้าปูงี้ตึงเลย เห็นผ้าขาวของเตียงเลยมานั่งนึกถึงเรื่อง Departures (คนที่ไม่รู้จักแนะนำให้เลื่อนไปดูบทความเก่าเกี่ยวกับหนังน่ะครับ)…คิดแล้วก็กลัวเอง นั่งไปเรื่อยๆ ปวดท้องเลยไปเข้าห้องน้ำรถไฟ ต้องเกร็งตัวเพื่อให้ลง 555+ ไม่ได้อะไรขนาดนั้น เด๋วนี้ห้องน้ำรถไฟทำดีแล้วครับ ถึงจะแคบไปหน่อยก็เหอะ (สำหรับใครที่อ่านไปกินข้าวไปก็โทษทีล่ะกัน (ฮา)
Laos Town Story (ตะลอนลาว) ตอน เวียงจันทร์กันเอง
ก้อย..เจ้าของทริปนี้ ดีไม่ดี เด๋วก็รู้ 55+
ได้เวลา มาถึงหัวลำโพงประมาณ ทุ่ม 40 นาที เจอก้อยแล้วไปที่ชานชาลาทันที…รถไฟด่วนปรับอากาศ สาย 69 ชั้น 2 กรุงเทพฯ-หนองคาย รอบ 2 ทุ่มตรง เที่ยวสุดท้าย ราคาตั๋วโดยสารรถไฟเตียงบน 688 บาท-เตียงล่าง 758 บาท ก้อยบนเบิ๊ดล่าง 555+ นั่งบนรถไฟ รู้สึกหิวๆ เลยขอดูเมนูอาหารจากพนักงานหญิง..ดูไปสักพัก อิ่มดีกว่า ราคาแอบแพง 85-100 บาทต่อจานน่ะ (พวกๆ กะเพราหมูสับไข่ดาวแหละฮะ มีพวกเป็นกับข้าวแย่างๆ ด้วย) โชคดีก้อยเอาผัดมาม่ามาให้ แม่ก้อยทำไว้ให้คนล่ะ 1 ถุง..โอ้ว สุดยอด อร่อยมากมาย แก้ปัญหาหิวไปได้เยอะ รถออกจริงๆ ประมาณ 2 ทุ่ม ครึ่ง ช้าไปครึ่งชั่วโมง มาตราฐานรถไฟไทยจริงๆ มานั่งนึกว่าถ้าเป็นเวลาตรงเป๊ะๆ แบญี่ปุ่น ผมว่าคนไทย ตกรถไฟกันเยอะแน่ๆ เพราะบ้านเรารถติดกว่าเราจะมาถึงรถไฟก็ออกไปแล้ว ผมว่าแบบนี้ก็โอเคน่ะครับ ใจเย็นๆ รอคนที่ไม่ทันด้วยดีกว่า …ถ้ารีบคงนั่งอย่างอื่นกันแล้วแหละ เพราะรถไฟไทย ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง :D
วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2552
อยู่สีไหน????
วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ส่วนประกอบสำคัญของการเขียนหนังสือ
ตอบเหมือนกำปั้นทุบกำปั้น แต่เป็นแบบนั้นจริงๆ
ตัวหนังสือที่เราพิมพ์ออกมามีอารมณ์
เหมือนเสียงดนตรีเวลาที่นักดนตรีเคาะคีย์เปียโน
ถ้าคนเขียนยิ้ม คนอ่านก็มีสิทธิ์ยิ้มตาม
ถ้าคนเขียนหัวเราะ คนอ่านก็มีสิทธิ์หัวเราะ
ถ้าคนเขียนน้ำตาซึม ก็มีลุ้นเหมือนกันว่าคนอ่านจะน้ำตาร่วง
แต่ถ้าคนเขียนเครียด เกร็ง จริงจัง
แล้วจะหวังให้คนอ่านสนุก แบบนี้ก็ยากเหมือนกันครับ
วิธีเขียนให้สนุกอีกวิธีคือ เขียนให้เพลินกับภาษา
สนุกกับการใช้ภาษา เพราะโลกการเขียนถูกสร้างขึ้นจากภาษา
ถ้าเราสนุกกับภาษา งานเขียนเราก็จะสนุก
และผู้อ่านก็น่าจะสนุกตาม เพราะเขาก็เข้าไปอยู่ในโลกใบนั้นเช่นกัน
ส่วนที่ว่าทำอย่างไรให้คนอ่านเข้าใจในสิ่งที่เราเขียน
ลองทดสอบด้วยวิธีการให้คนอื่นทดลองอ่านดูบ้างครับ
แล้วลองฟังความเห็นจากเขา ถ้าเขาไม่เข้าใจอะไรก็เพิ่มเติมลงไป
ถ้าตรงไหนที่เขาไม่เห็นภาพ ก็บรรยายเพิ่ม
การเขียนการอ่านคือการสื่อสาร
เขียนก็เหมือนพูดครับ
การเขียนที่ดีต้องมีการรับฟังอยู่ในนั้นด้วย"
วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2552
หนังไทยที่ดูไม่เบื่อ
ลองดูว่าเหมือนกันไหมน่ะครับ
เริ่มเลยๆ
- "รักออกแบบไม่ได้" อันนี้ยกให้เป็นอันดับแรกๆ เลย ชอบเรย์ เท่มาก หลายคนดูเรื่องนี้แล้วอยากเข้าไปเรียนที่ศิลปากร
- "กุุมภาพันธ์" ดูแล้วค่อยๆ อิน หนังรักที่ไม่ได้บอกว่ารักเลย
- "ณ ขณะรัก" นี่มันหนังหว่องกาไวเมืองไทยนี่น่า
- "2499" เรื่องแรกที่ไปดูกะพี่ชาย ปุ๊เม่งเท่ว่ะ
- "เมล์นรก" ฮาสาดดดด(น้ำ) ชอบมุขปวดขี้ โดนใจมากกก 55+
- "ฟ้าทะลายโจร" เรื่องนี้พาแม่ไปดู แม่ร้องไห้ แต่ผมชอบมากรู้สึกว่าเรื่องนี้เต็มไปด้วยงานศิลปะ เจ๋งๆๆ ไม่เชยแต่เรียกว่าตลาสสิค
- "ไซยา" หนังดีไม่จำเป็นต้องดัง สะใจ มันส์มาก
- "พลอย" หนังอะไร ให้ดูและให้คิด ผู้หญิงกับผู้ชาย มันไม่เหมือนกันจริงๆ
- "บุปฝาราตรี" โลเคชั่นเดียวทั้งเรื่อง แต่ครบรส (เออภาคแรกน่ะภาคอื่นๆ ไม่นับ)
- "มนต์รักทรานซิสเตอร์" บักเสี่ยวววววววว เอ๊ยย
- "มหาลัยเหมืองแร่" หนังอะไร ดูอีกทีดูตอนไหนก็ไม่เบื่อ ชอบพี่จอนมาก ดูแล้วอยากอยู่ใต้
จริงๆ ก็มีหลายเรื่องน่ะ แต่ที่มากๆ ก็ 10+1นี้แหละ เพิ่ม ไซยา มาเพราะประทับใจมาก(มากกว่าที่คิด)
ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่เข้ารอบก็
- "สายล่อฟ้า"
- "ตลก 69"
- "เด็กหอ"
- "เปนชู้กับผี"
- "happy birth day"
- "หมานคร"
- "หมากเตะ รีเทินร์"
- "ฝัน บ้า คาราโอเกะ"
- "โกลคลับ"
.....มีตรงๆ บ้างไหมฮะเนี่ย ^_________^
วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ทดไว้ในบล็อก (3)
วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552
5 3 15
15th Anniversary Concert of MODERNDOG / 5.3.15
วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ไอ แอม อะ ไท.....
วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ทีมชาติไทยกับโลโก้อันใหม่
ทดไว้ในบล็อก (2)
วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2552
วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ของฟรีมีในโลก
วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2552
laos
I'm ok .....don't worry
see u na ja
วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2552
เล่าด้วยภาพ
เป็นผลงานของดีไซเนอร์ชาวแคนาดาชื่อ Olivier Beaudoin
งานนี้กวาดรางวัลจากเวทีใหญ่ๆ มาแล้วเพียบ
วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2552
พักบล็อกอัพงาน
.
.
.
.
.
ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ สาวๆ ที่มาดู+มาอ่าน(หลังจากโดนบังคับให้มาอ่าน)
เร็วๆ นี้คงได้อ่านกันอีกฮะ ที่แน่ๆ เรื่องลาว มีต่อแน่นอนฮะ
วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2552
Laos Town Story (ตะลอนลาว) ตอน เวียงจันทร์กันเอง
ไปลาวหลายวันก็คงต้องคิดถึงที่พัก หลังจากที่ได้ค้นๆ ใน internet ก็ได้สรุปมาดังนี้ โดยที่ราคาตั้งใจไว้คงไม่เกินคืนล่ะ 1,000 บาท แต่ก็ไม่อยากพักแบบต่ำกว่า 500 บาท เพราะมาครั้งนี้อยากมาสนุกๆ โดยที่ผ่อนครายสบายๆ อย่างน้อยๆ ก็ตอนนอน
1. City Inn Vientiane Hotel ตั้งอยู่ใกล้สนามบินของเวียงจันทน์ ช่วยให้ลูกค้าเดินทางไปสถานที่ต่างๆ ได้อย่างสะดวก
2. Inter City Hotel โรงแรมแห่งนี้ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามด้วยของโบราณและงานศิลปะ ตกแต่งอย่างมีสไตล์ อยู่ห่างจากสนามบินนานาชาติวัตไตเพียง 15 นาทีด้วยการขับรถ นอกจากนี้ ยังอยู่ในระยะที่เดินไปร้านอาหาร ตลาด วิหาร และร้านค้าในตัวเมืองได้ไม่ไกล
3. New Lao Paris Hotel กรุงเวียงจันทน์ แถววงเวียนน้ำพุ
โดยที่ทั้งหมดนั้นเตรียมมื้อเช้าให้อยู่แล้ว
หลังจากที่ได้ประเมินราคาต่างๆ แล้ว New Lao Paris Hotel น่าสนใจที่สุดเพราะจากที่ในเวบของเขาบอกว่าอยู่ในเมือง และใกล้วงเวียนน้ำพุ ซึ่งเป็นแหล่งที่เราจะต้องไปแถวนั้นอยู่ดี ในหนังสือบอกว่าแหล่งเที่ยวอยู่แถบนั้นเยอะ เลยกะวัดใจลองไปพักเผื่อสะดวกเดินไปเที่ยวแถวนั้นได้เลยราคาก็ไม่ต่างจาก 2 ที่แรกมากนัก ซึ่งราคาลองเข้าไปดูได้ตามชื่อโรงแรมเลยน่ะครับ เพราะราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง...ที่ผมพักราคาประมานคืนล่ะ 700 กว่าบาท
ทีนี้มาดูการข้ามชายแดนกัน ถ้าคุณมี Passport ….สะดวกมากที่สุด ติดต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองได้ที่สถานีรถไฟหนองคายได้เลย เพื่อ แสตมป์ Departure ได้หลายวันเลย เผื่อเที่ยวไกลๆ แต่ถ้าไม่มี Passport สามารถใช้ บัตรประชาชนเท่านั้นโดยให้ไปที่ศูนย์โอท๊อปหนองคาย(ที่ศาลหลักเมือง) นั้งรถสกายแล๊บ (สามล้อเครื่อง) ค่ารถ 20 บาท ค่าทำ Boarding Pass 40 บาท เป็นของราชการ แต่ถ้าที่อื่นเป็นของเอกชนราคาค่าบริการจะแพงกว่าประมาณ 160 บาท
หลักฐานที่ใช้ก็
สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 1 ใบ
พร้อม รูปถ่าย ขนาด 1-2 นิ้ว - 2 ใบโดยที่ทำ Boarding Pass สามารถพักได้เฉพาะในเขตเวียงจันทร์ 3 วัน 2 คืน พอดีของผมเลย :D
ค่าเงินของที่นี่ก็ 1 บาทก็ประมาณ 240 กีบ ...จะรวยก็คราวนี้แหละ 55+
ไม่ว่าจะคุณยังอิสระแค่ไหน หรือเป็นคนที่เคร่งครัด เอาแต่ใจยังไง จะมากับทัวน์หรือไปแบบเรย์ แมคโนนัลด์ ก็ต้องทำตามระเบียบที่เขาวางไว้ให้อยู่เสมอในการทำ Passport พอๆ กับสังคมที่เราอยู่แหละ สุดท้ายเราก็ต้องกลับมาอยู่ในกรอบ แม้จะไม่ตลอดก็เถอะ....
วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552
เสื้อมือสอง-ลองซื้อดู
แล้วเสื้อผ้าก็มาจากบ้านผมนี่แหละ ทั้งของพี่ชายและผมเอง ขายกันไม่เกรงใจใครตัวล่ะ 39 บาท!!!! แขนยาวเสื้อเชิ๊ตตัวล่ะ 59 บาท แต่ขอโทษทีเพ่ สภาพเสื้อดีโคตร เพราะบางตัวซื้อมา ยังไม่เคยใส่เลยด้วย แถมบางตัวเพิ่งใส่ไป 1-2 ครั้งเอง เวลาขายนี่แถบกัดฟัน เพราะเสื้อที่ซื้อมาที ก็ 150-200 กว่าบาทแหละ ขายแบบนี้ ขอต่อมีงอน....ลูกค้าดันขอต่ออีก..เลยขายไปเลย 2 ตัว 70.....3 ตัว 100 ใจป๋ามาก 555+
ก็อย่างว่าแหละฮะ มาขายครั้งนี้ก็ไม่ได้จะเอากำไรอะไร เพราะเราก็ไม่ได้ใส่อยู่แล้ว ดีกว่าทิ้งไว้เฉยๆ ลองมาขายดูสนุกๆ แต่ก็ไม่คิดว่าการขายของมันจะเหนื่อยอะไรขนาด ต้องคอยลุ้นให้ซื้อ..39 บาท ไม่ต้องคิดเยอะพี่ 5555+
อ๋องานนี้มีทุกวันศุกร์และเสาร์ ทางวัดจะทำเป็นธรรมเนียม ให้มีคนมาซื้อมีที่ขาย ช่วยๆ กันไป อย่างเพิ่งอี๊น่ะ มีหนังมากางให้ดู มีลิเกมาให้แลด้วยน้า บอกแล้วของเค้าดีจริงๆ
บรรยากาศวันศุกร์ และวันเสาร์ที่ผ่านมา....ยอดรายได้ ไม่บอกว่าได้กี่ตัวน่ะ ความลับของบริษัท (โหเสื้อมือสองมีบริษัทด้วย 55+)