ตัวละครนี้ชื่อว่า "อาบัคคิโอ้" ได้นั่งอยู่ร้านกาแฟตอนเช้าที่เมืองๆ หนึ่ง เมื่อนั่งไปได้ซักพักก็ได้ยินเสียงดัง "แกรก แกร่ก" จึงก้มลงไปใต๊ะ ก็ได้เห็นว่ามีตำรวจคนหนึ่ง ซึ่งกำลังเก็บ ซากแก้ว กระจกอยู่อย่างขะมักเขม่น อาบัคคิโอ้ก็เกิดสงสัย ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ตำรวจคนนั้นก็เลยตอบมาว่า "กำลังหารอยนิ้วมือคนร้าย เพราะเนื่องจากเมื่อคืนมีคนทะเลาะวิวาทแล้วมีคนเสียชีวิตทำให้ต้องมาหารอยนิ้วมือเพื่อตามหาคนร้ายไปดำเนินคดีต่อไป" หลังจากได้ฟัง อาบัคคิโอ้ได้สงสัยแล้วก็ถามว่า "เออ ขอโทษน่ะ จะขอถามอะไรสักหน่อยมีเรื่องสงสัย และเพื่อประดับความรู้ว่า ถ้านาย(ตำรวจคนนั้น)ที่กำลังนั่งหาเศษแก้วเพื่อหารอยนิ้วมือ ซึ่งนายอุตสาห์นั่งถ่อหาแทบเลือดกระเด็นแบบนี้ แต่เมื่อหาเสร็จกลับพบว่าไม่มีรอยนิ้วมือหรือเอาเป็นว่าพอนายเจอรอยนิ้วมือตามตัวคนร้ายพบแต่คนร้ายคนนั้นได้จ้างทนายความที่เก่งจนเอาชนะคดีหลุดมาได้แบบนี้ นายจะรู้สึกยังไงเพราะต้องทนมานั่งหารอยนิ้วมือแบบนี้" ตำรวจคนนั้นนั่งเงียบได้แปปนึงแล้วก็ได้พูดมาว่า "อืม นั่นซิฮะ ผมไม่ได้คิดส่วนนั้นซะด้วยซิ ถ้าคนเรามัวแต่คิดถึงผลลัพธ์ก็คงลืมบางสิ่งบางอย่างไป ทุกๆ คนคงข้ามขั้นตอนไปผลลัพธ์กันหมดโดยที่ไม่ได้พบกับความจริงที่มีอยู่ และถ้าเป็นแบบนั้นก็คงไม่มีใครไปถึงให้สิ่งที่เราต้องการเพราะเมื่อเราคิดแบบนั้นว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง เราก็คงไม่ได้ทำในสิ่งที่ๆ ควรจะทำ"
หลังจากที่เล่าเรื่องนี้จบ ผมกับเพื่อนก็ได้คุยกันว่า ก็เหมือนอย่างที่ตำรวจคนนั้นบอก ถ้าทุกคนมัวแต่คิดถึงผลลัพธ์การกระทำต่างๆ ก่อนที่จะไปยังผลลัพธ์นั้นก็คงไม่เกิดขึ้น แล้วก็ไม่เกิดผลลัพธ์แบบที่เราหวังไว้ด้วยซำ้เพราะผลลัพธ์ที่เรามักคาดคะเนก่อนที่เราจะทำอะไรนั้น ผลลัพธ์จะมักขึ้นต้นด้วยคำว่าเป็นไปไม่ได้ตลอด บางครั้งผลลัพธ์ก็ไม่ใช่จุดประสงค์ที่เราต้องการแค่อย่างเดียว เหมือนที่มีคำๆ หนึ่งในรายการ "หนังพาไป" ที่หลังรายการจบจะมีคำส่งท้ายที่ว่า "จุดหมายปลายทางอาจไม่ใช่ที่สุดของความงดงาม"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น