วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2554

ความสุขของฉันแค่สามบาท

เคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งเจอเค้าบอกว่า "สิ่งเล็กๆ ในชีวิตประจำวันนี่แหละ ที่จะทำให้เรามีความสุขในแต่ล่ะวัน"

ไม่ต้องยิ่งใหญ่ว่าสิ่งที่เราทำจะสร้างประโยชน์กับโลกนี้ซักเท่าไร ขอแค่เรารู้สึกดีกับมันก็พอ(แต่ต้องไม่ให้คนอื่นเดือดร้อนน่ะ)


เมื่อวานก็เหมือนกับวันอื่นๆ ปกติ ที่ต้องนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินแล้วต่อรถเมล์เผื่อกลับบ้าน แต่ไม่รู้คิดอะไร ดันนึกสนุก+เบื่อ เลยลองนั่งรถเมล์อีกสายดูโดยที่ไปลงท่าช้าง แถวศิลปากร แล้วก็ต่อเรือข้ามฟากจากท่าช้าง เผื่อไปลงท่าเรือวังหลัง ค่าโดยสาร "สามบาท"


เวลาตอนนั้นประมาณซัก ทุ่มกว่าๆ ระหว่างไปท่าเรือเดินไปฟังเพลงจากไอพอตไป..ค่อยค่อยเดินทีล่ะเก้าทีล่ะเก้าพร้อมกับจังหวะของเสียงเพลงที่ผ่านสายหูฟังมายังโสตของประสาทการรับฟังจนเกิดอาการความสุขไปยังสมองแล้วสั่งการทำให้มุมปากยิ้มและขยับตามเสียงขับร้องของเพลง.......


ถึงท่าเรือ จ่ายค่าเรือแล้วไปรอที่โป๊ะ วันนั้นช่วงกลางวันอากาศร้อนทั้งวันอบอ้าว แต่ตอนนี้ระหว่างรอเรือ ความร้อนได้จากหายไป ลมที่พัดเย็นๆ เลียบระหว่างน้ำได้มาแทนที่ ทันทีที่เรือเข้าฝั่ง คนไม่ถึงสิบคนไปจับจองที่นั่งบนเรือ …หลังสุด สุดชิว นั่งฟังเพลงพร้อมก้มดูพระจันทร์ในแม่น้ำเจ้าพระยาที่สะท้อนมาจากข้างบน เหลือบไปเห็นวันอรุณที่ยังสวยงามเหลือเกินโดยที่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นได้รับรู้รับเห็นพร้อมกับรับฟังเพลงที่ยังคงส่งเสียงบรรเลงไปในหูให้สมองยังคงสั่งการส่งความสุขอยู่.......พร้อมพร้อมกับสายลมที่กำลังพัดผ่านปะทะร่างกายอย่างแผ่วเบา จนไม่คิดไม่ฝันว่าทั้งหมดที่กล่าวมานั้นมันเป็นช่วงเวลาแค่ไม่เกินหกนาทีไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป....ถึงปลายทาง คนเริ่มทยอยขึ้นฝั่งกัน เราก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้นกลับไปสู่บ้าน หมดไปอีกหนึ่งพร้อมความสุขที่มาทำให้ความเหนือยของทั้งวันหายไป


ไม่ได้เว่อร์ แต่รู้สึกดีจิงๆ แต่อยากอวดเพราะความสุขอันนี้ ราคาแค่สามบาท


ปล. ความคิดต่อไปของข้าพเจ้าคือ ซื้อเบียร์ขวดเล็กๆ เย็นๆ ซักขวดไปกินระหว่างอยู่บนเรือข้ามฝาก (กำลังดีเบียร์หมดขวดก็นั่งไปกลับสองรอบ) สนใจไปแจมบอกได้น่ะ :P

ปล. 2 บทความนี้เป็นครั้งแรกที่พยายามเขียนแบบพรรณนาโวหาร ๕๕๕๕๕

1 ความคิดเห็น:

aga กล่าวว่า...

แค่ชื่อเรื่องก็ดึงคนอ่านได้แล้วอ่ะ
อ้อ... คราวหน้าถ้าบวกเบียร์กระป๋องจากเซเว่น อีก 27.- รวมแล้วก็ 30 บาทไม่ขาดไม่เกิน ยังงี้เรียกความสุขคูณสิบรึป่าวนะ :)