วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

5 Anniversary


นับหนึ่ง นับสอง นับสาม นับสี่ นับห้า......หงุดหงิด ห้าขวบแล้ว "หมาปั๊ก หน้าดำ ลูกสาว ที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน" นี่คงเป็นคำอธิบายเมื่อเวลามีคนสงสัยว่า "หงุดหงิด" คือชื่ออะไร คือใคร??

วันที่ 21 เดือน 11 (ในขณะที่เขียนคือวันพรุ่งนี้ที่กำลังจะก้าวไปเป็นวันนี้) เป็นวันเกิดหงุดหงิด วันที่รู้สึกคิดถึงมันมากที่สุด วันที่รู้สึกตื่นเต้นกับความรู้สึกที่ว่าเราจะคิดถึงหงุดหงิดแบบไหน...2 ปีกว่าแล้วมั่งที่ไม่ได้เจอกันอีกเลย ถ้าจำไม่ผิดก็คงเป็นวันเสาร์ วันที่ทำเสื้อยืดลายหงุดหงิดเสร็จ แล้วเอาเงินไปบริจาคคนที่ดูแลหมา วันนั้นเล่นกับมัน กอดมัน คลุกคลีอยู่กับมัน โดยที่ไม่เคยคิดเลยว่าวันนั้นจะเป็นวันสุดท้ายที่จะได้เจอ....สารภาพเลยว่า ถ้ารู้ว่าครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เจอกัน ฉันคงจะคุยกับมันให้นานมากกว่านี้ กอดให้มันนานมากกว่านี้ มากกว่าที่เคยทำผ่านๆ มา…แต่เม่งก็ไม่เป็นไม่ได้แล้วแหละที่จะทำแบบนั้น ถึงจะมีคิดเล็กๆ ในเสี้ยวห้วสักนิดเหอะว่าไม่แน่สักวันคงอาจจะได้เจอกัน

ทุกๆ ปี สิ่งที่พอ(น่า)จะทำได้คือ การซื้อขนมหรือไม่ก็ของเล่นแล้วส่งไปให้หงุดหงิดบ้าง พอให้รู้สึกว่าแต่ละปีอย่างน้อยๆ ก็ให้ตัวเองไม่ลืมว่ามีหงุดหงิด มีหมาปั๊ก มีลูกสาวอยู่ 

ทุกวันนี้หมาในซอยบ้านก็ได้อนิสงฆ์จากการที่คิดถึงหงุดหงิดนี่แหละ ที่ทำให้ตัวเองไปซื้ออาหารซื้อขนมให้มันเล่น พอแก้คิดถึงหงุดหงิดไปบ้าง...(ถึงบ้านในซอยบ้านมันจะตัวใหญ่คับซอยก็เหอะ)

การเขียนถึงหงุดหงิดปีนี้ น่าจะมีเรื่องหงุดหงิดน้อยลง และเป็นเรื่องอ้อมๆ ที่เหมือนจะเกี่ยวข้องกับหงุดหงิดน่ะ แต่เขียนไปเขียนมาก็รู้สึกว่ามันไม่น่าจะเกี่ยวกันได้เลย

"หงุดหงิด…ฉันรักแกว่ะ และคิดถึงแกมากๆ ทุกๆ ครั้งที่เวลาเดินทางไปไหนก็แล้วแต่ เวลาเจอหมาก็จะหันมองตลอด แล้วถ้าวันไหนโชคดีได้เจอหมาปั๊กพันธ์เดียวกับแกด้วยน่ะ รู้ไหมฉันโคตรคิดถึงแกเลยคิดถึงมากๆ ด้วยรู้ไหม นึกทุกครั้งว่าป่านนี้มันจะโตขนาดไหนแล้ว ป่านนี้มันจะเป็นยังไงบ้าง ลืมเบิ๊ดไปแล้วยัง มันจะยังจำได้ไหมว่าเคยมีเบิ๊ดอยู่" กลัวแกลืมฉันเหลือเกิน ไม่ต่างกับที่ฉันจะลืมแกเลย

หงุดหงิด…ความฝันเล้กๆ ของฉันก็สำเร็จแล้วน่ะ นั่นคือการไปอยู่หน้ารูปปั้นของฮาจิ ที่ญี่ปุ่น ที่เจ๋งกว่านั้นก็คือ ฉันตั้งใจใส่เสื้อยืดลายหน้าแกเลยน่ะ ตอนที่ได้เห็นรูปปั้นนั้นตอนแรกนี่เม่งโคตรมีความสุขเลย คิดถึงแกมาก หมาทุกตัวคือแก เพราะฉนั้นฉันก็คงรักมันทุกตัวเหมือนกันน่ะ

ปีนี้ 5 ขวบแล้ว ว่ากันว่า หมา 5 ขวบ อายุของคนน่าจะประมาณ สามสิบกว่าๆ แหละมั่ง สามสิบยังแจ๋วเลยน่ะหงุดหงิด ขอให้แกมีความสุขมากๆ กินเต็มที่ เล่นเต็มที่ นอนเต็มที่ กรนเต็มที่เลยน่ะสุดท้ายนี้ขอให้แกยังจะจำฉันได้บ้างน่ะ คิดถึงแกว่ะหงุดหงิด "HBD"

วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เริ่มต้น "Begin Again" อีกครั้ง




"Begin Again" เพิ่งได้ดูตะกี้เลย ไม่ได้ในโรงน่ะ แต่เป็นคอมที่บ้าน เข้าใจแหละว่าทำไมคนถึงได้ชอบกันนักกันหนา เพลงเพราะ อารมณ์ได้ นักแสดงเท่ โดยเฉพาะพระเอกเล่นดีโคตร รู้จักพระเอกก็จาก hulk ในอเวนเจอร์นี่แหละ ส่วนเคียร่า นี่แอบกริ๊ดมานานแหละ ตั้งแต่ เลิฟแอคซูรี่..

หนังเม่งชวนยิ้มตลอดเวลา แต่รู้สึกนอยตรงฉากสุดท้ายนี่แหละ ไม่รู้ว่าคนอื่นคิดไงน่ะ แต่ส่วนตัวคิดว่า ในเรื่องนางเอกเม่งปูเพลงของตัวเองมาตลอดไม่ต้องการให้มีอะไรนอกเหนือจากเพลง เช่น การแต่งตัว การใส่อะไรก็แล้วแต่ที่ไม่ใช่ดนตรี เพราะนางเอกอยากให้คนเข้าใจเพลงมากกว่าสิ่งอื่นๆ ที่ไม่ใช่เนื้อหาของเพลงที่นางเอกจะสื่อ

....เพลง lost star เพลงที่นางเอกแต่งให้แฟน เพลงของ "สองเรา" แล้วพอห่างกันไป แฟนก็ได้เอาเพลงนี้ไปใช้ลง CD ……..แต่พอที่นางเอกได้ฟังเพลงแฟนใน CD ตอนแรก ก็ยังบอกกับแฟนมันเลย ว่าอยากให้เล่นเพลงในแบบที่มันเคยเป็น แต่แฟนมันก็ยังดึงดันในแบบของตัวเองว่า แบบนี้ก็มีคนชอบมีคนถูกใจ...ซึ่งนางเอกเฉยๆ มากกับเรื่องนี้ นางเอกสนใจคุณค่าของตัวเพลงมากกว่า เลยทิ้งท้ายว่าขอให้พระเอกเล่นเหมือนเดิม เหมือนที่นางเอกจะสื่อ...ช่วงพีคตอนคอนเสริตนี่แหละ ที่ตอนแรกๆ แฟนนางเอกก็เล่นอารมณ์เดียวกับที่นางเอกต้องการ แต่พอผ่านไปช่วงพีค แฟนมันดันเล่นในแบบที่ตัวเองอัดไว้ใน CD สุดท้ายก็ไม่ต่างอะไร...จากที่นางเอกเม่งจะดีด้วยแล้วแต่กลับกลายเป็นว่า แฟนของนางเอกไม่ได้จะเปลี่ยนไปจากเดิมเลย หรืออาจจะเปลี่ยนตอนแรกๆ (ที่เล่นเพลงเหมือนกับนางเอก) ก่อนที่จะเหมือนเดิม ทำให้นางเอกเดินหนีไป ฉากนี้แหละ เม่งโคตรชอบเลย...คือไม่ต้องจบแบบแฮปปี้หรอกน่ะ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เศร้าจนน้ำตาไหล ความรู้สึกไม่ต่างอะไรกับที่ดู ONCE เลย ประทับใจอะไรใน ONCE ก็ประทับ Begin Again เหมือนกันนี่แหละ แต่ตามสูตรของตัวเองคิดว่าให้ ONCE ชนะคะแนนไปน่ะ เพราะความรู้สึกที่ว่า ONCE คือต้นฉบับ...ONCE คือการจากกัน เพิ่มไปเริ่มต้นสิ่งที่ในใจอยากให้เกิดมากกว่า

ปล. นี่เป็นเรื่องที่สองต่อจาก Little Miss Sunshine ที่พอดูจบ ก็เปิดบล็อคเขียนเลยน่ะเนี่ย
ปล 2 ชอบฉากที่ฟังเพลงด้วยกันแล้วเดินไปที่ต่างๆ มากๆ (ความรู้สึกเหมือนเรื่อง HER เลย)